คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โรคถุงลมพองเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาด และอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายได้ โรคถุงลมพองจึงเป็นโรคที่มีความสำคัญอันอาจถือเป็นเหตุให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตผู้ขอเอาประกันได้ ถ้าจำเลยผู้รับประกันได้ทราบข้อความจริงนี้มาก่อน การที่ผู้เอาประกันรู้ตัวดีว่าป่วยเป็นโรคถุงลมพองเรื้อรังมานานปี เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และเคยรับการฉายเอ๊กซเรย์มาแล้ว แต่ตอบคำถามแพทย์ผู้ตรวจ สุขภาพว่าไม่เคยเจ็บป่วยเป็นโรคใดๆ ไม่เคยรับการรักษาในโรงพยาบาลจึงเป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีความสำคัญที่จำเลยต้องการทราบเพื่อจะนำไปประกอบการวินิจฉัยว่าจะรับประกันชีวิตผู้ขอเอาประกันหรือไม่ สัญญาประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันทำไว้กับจำเลยจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก
การตรวจโรคถุงลมพองโดยวิธีธรรมดาจะพบได้ยาก นอกจากฉายเอ๊กซเรย์หรือใช้สีฉีดเข้าไปในปอดแล้วฉายเอ๊กซเรย์ แต่เมื่อผู้ขอ-เอาประกันปกปิดมิได้แจ้งเรื่องที่เจ็บป่วยให้แพทย์ผู้ตรวจสุขภาพทราบ ก็ไม่มีเหตุที่แพทย์จะต้องฉายเอ๊กซเรย์ตรวจดูถุงลมของผู้เอาประกัน เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าผู้เอาประกันเป็นโรคถุงลมพอง นายแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เอาประกันแล้วเห็นว่าสุขภาพปกติจึงรายงานเสนอความเห็นควรรับประกัน และการรับประกันชีวิตของจำเลยก็พิจารณาจากรายงานของแพทย์ประกอบกับคำขอเอาประกัน เช่นนี้จะฟังว่าจำเลยผู้รับประกันประมาทเลินเล่อมิได้ กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางเกลียว อมราภรณ์ ภรรยาโจทก์ได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลยโดยมีโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ บริษัทจำเลยได้ออกกรมธรรม์ประกันชีวิตให้แก่นางเกลียว อมราภรณ์ โดยมีเงื่อนไขว่าหากนางเกลียว อมราภรณ์ ถึงแก่กรรม บริษัทจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท ครั้นนางเกลียว อมราภรณ์ ถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ได้แจ้งให้บริษัทจำเลยจ่ายเงินแก่โจทก์ บริษัทจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมจ่าย จึงขอให้ศาลบังคับบริษัทจำเลยใช้เงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นางเกลียว อมราภรณ์ ได้ทำประกันชีวิตไว้กับจำเลยจริง แต่จำเลยสืบทราบภายหลังว่านางเกลียว อมราภรณ์ มีสุขภาพไม่สมบูรณ์เนื่องจากป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอดและถุงลมพองโดยได้รับการตรวจรักษาและฉายเอ๊กซเรย์ที่โรงพยาบาลหลายแห่งจนกระทั่งถึงแก่กรรม นางเกลียว อมราภรณ์มีหน้าที่แจ้งเรื่องดังกล่าวให้จำเลยทราบขณะทำคำขอเอาประกันชีวิตและขณะตรวจสุขภาพกับแพทย์ แต่นางเกลียวกลับปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วยการแถลงข้อความเท็จต่อจำเลย ถ้าจำเลยทราบความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของนางเกลียว อมราภรณ์แล้ว จำเลยจะไม่ยอมรับประกันชีวิตของนางเกลียว อมราภรณ์ กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๕ จำเลยมีหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตไปยังโจทก์และโจทก์ได้รับหนังสือแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินเอาประกันชีวิตตามฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมประเด็นว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะหรือไม่ เห็นว่าข้อความบางส่วนของเอกสารหมาย ล.๓ เป็นภาษาอังกฤษจำเลยมิได้ทำคำแปล และจำเลยมิได้ส่งสำเนาเอกสารหมาย ล.๓,ล.๔ ให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๖, ๙๐ ไม่รับฟังจึงไม่มีเหตุอันจะทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ ส่วนประเด็นค่าเสียหายฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทวงถามก่อนฟ้อง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในช่วงเวลาก่อนฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เกี่ยวกับเอกสารหมาย ล.๓, ล.๔ แม้จำเลยจะปฏิบัติฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยไม่ส่งสำเนาแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี สมควรรับฟังเอกสารดังกล่าว และที่จำเลยไม่ทำคำแปลเอกสารหมาย ล.๓ นั้น ศาลสั่งให้ฝ่ายที่ส่งเอกสารทำคำแปลมายื่นต่อศาลได้ ที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่รับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา พิพากษาคำพิพากษาศาลชั้นเฉพาะในประเด็นว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะหรือไม่ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีใหม่ โจทก์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ถึงแก่กรรมสิบเอกธวัชชัย อมราภรณ์ บุตรโจทก์ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ ศาลฎีกาอนุญาต ส่วนคดีศาลฎีกาพิพากษายืน ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่เฉพาะประเด็นว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะหรือไม่ วินิจฉัยว่านางเกลียว
อมราภรณ์ ป่วยเป็นโรคถุงลมพองเคยรับการรักษาและฉายเอ๊กซเรย์มาก่อนที่จะทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย แต่ขณะตรวจสุขภาพเพื่อขอประกันชีวิต นางเกลียวปิดบังความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วยหรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใด ๆ สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ จำเลยมีหนังสือบอกล้างแล้ว โจทก์ผู้รับประโยชน์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่า นางเกลียวเจ็บป่วยเป็นโรคถุงลมพองเคยรับการรักษาตัวและฉายเอ๊กซเรย์ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ หลายแห่งมาก่อนที่จะทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลย และเห็นว่าโรคถุงลมพองนี้เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาดและอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายได้ หรือมีโรคแทรกทำให้หัวใจโตและปอดบวม นางเกลียวถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจโต โรคเกี่ยวกับคอ หลอดลม เป็นข้อที่จำเลยกำหนดไว้ในแบบพิมพ์คำแถลงของผู้ขอเอาประกัน เพื่อสอบถามผู้เอาประกันชีวิต ถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ โรคถุงลมพองจึงเป็นโรคที่มีความสำคัญอันอาจถือเป็นเหตุให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตนางเกลียวได้ ถ้าจำเลยทราบข้อความจริงนี้มาก่อน การที่นางเกลียวตอบคำถามแพทย์ผู้ตรวจสุขภาพว่าไม่เคยเจ็บป่วยเป็นโรคใด ๆ ไม่เคยรับการรักษาในโรงพยาบาลและไม่เคยฉายเอ๊กซเรย์ ทั้ง ๆ ที่นางเกลียวรู้ตัวดีว่าป่วยเป็นโรคถุงลมพองเรื้อรังมานานปีเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายแห่งและเคยรับการฉายเอ๊กซเรย์มาแล้วจึงเป็นการละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีความสำคัญที่จำเลยต้องการทราบเพื่อจะนำไปประกอบการวินิจฉัยว่าจะรับประกันชีวิตนางเกลียวหรือไม่ สัญญาประกันชีวิตที่นางเกลียวทำไว้กับจำเลยจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๖๕ วรรคแรก ที่โจทก์ฎีกาว่าแพทย์ของจำเลยตรวจสุขภาพนางเกลียวแล้วมีความเห็นว่าสุขภาพดี ทั้งที่โรคนางเกลียวเป็นโรคที่ตรวจพบง่าย จึงเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย สัญญาประกันชีวิตไม่เป็นโมฆียะนั้น เห็นว่าตามคำแพทย์ปรากฏว่าการตรวจโรคถุงลมพองโดยวิธีธรรมดาจะพบได้ยากนอกจากฉายเอ๊กซเรย์หรือใช้สีฉีดเข้าไปในปอดแล้วฉายเอ๊กซเรย์ แต่เมื่อนางเกลียวปกปิดมิได้แจ้งเรื่องที่เจ็บป่วยให้แพทย์ผู้ตรวจสุขภาพทราบ ก็ไม่มีเหตุที่แพทย์จะต้องฉายเอ๊กซเรย์ตรวจดูถุงลมของนางเกลียว เพราะไม่อาจรู้ได้ว่านางเกลียวเป็นโรคถุงลมพอง แพทย์ได้ตรวจร่างกายนางเกลียวแล้วเห็นว่าสุขภาพปกติจึงรายงานเสนอความเห็นควรรับประกัน และการรับประกันชีวิตของจำเลยก็พิจารณาจากรายงานของแพทย์ประกอบกับคำขอเอาประกัน เช่นนี้จะฟังว่าจำเลยประมาทเลินเล่อมิได้ จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังในการรับประกันชีวิตนางเกลียวแล้ว กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๖ อันจะถือได้ว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นอันสมบูรณ์ สัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างแล้วจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตแก่โจทก์
พิพากษายืน

Share