คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงหรือข้อพิพาทใดที่มีอยู่ก่อนทำสัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น ย่อมระงับไปในเมื่อได้ตกลงทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันเสร็จเด็ดขาดแล้ว.

ย่อยาว

ความว่า เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่นายฉุยออกจากห้องเช่าของจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับนายฉุย โดยอ้างว่าโจทก์อาศัยอยู่ในห้องพิพาท และโจทก์เสียเงินล่วงหน้าให้จำเลยไป ๘๐๐ บาท ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์เข้าเป็นจำเลยร่วมได้ คู่ความได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันว่านายฉุยผู้เช่าเดิมยอมออกจากห้องเช่า และโจทก์เข้าเป็นผู้เช่าสืบต่อไปจนกว่าจะสิ้นปี ๒๔๘๙ โจทก์มิได้กล่าวแย้งสงวนสิทธิในเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าไว้ ต่อมาโจทก์ต้องออกจากห้องพิพาทตามสัญญาปราณีประนอมยอมความ โจทก์จึงมาฟ้อง คดีนี้ขอเรียกเงินกินเปล่า ๘๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยคืนจากจำเลย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินคืน แม้จะอาศัย ก.ม.เรื่องลาภมิควรได้ คดีก็ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยจะรื้อเอาเงินแป๊ะเจี๊ยะ ๘๐๐ บาทมาฟ้องอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมความ และโจทก์ฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ แต่คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงิน ๘๐๐ บาทที่โจทก์ฟ้องจะเป็นเงินกินเปล่าหรือเงินมัดจำก็ตาม เมื่อจำเลยได้ตกลงทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะรื้อฟื้นขึ้นว่ากล่าวอีก
พิพากษายืน.

Share