คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลยถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้นการที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้ จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 และริบมีดของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณา นายประกอบ สุขลักษณ์ ผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 6 ปี ริบมีดของกลางคำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยคู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีกาว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2530เวลาประมาณ 19 นาฬิกา โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับเด็กชายธเนศบุตรจำเลยซึ่งไปขายก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านโจทก์ร่วม แล้วโจทก์ร่วมได้ไปบ้านจำเลย จำเลยใช้มีดปลายแหลมทั้งตัวและด้ามยาวประมาณ 11 นิ้ว แทงโจทก์ร่วม 2 ที ถูกที่ชายโครงขวาและซ้ายลึกทะลุผนังช่องท้อง แพทย์รักษาโดยผ่าตัดเอาโลหิตในช่องท้องออกโจทก์ร่วมรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 10 วัน คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมมีตัวโจทก์ร่วมเบิกความว่าจำเลยได้ด่าโจทก์ร่วมว่า “เย็ดแม่ควย” โจทก์ร่วมโกรธจึงปรี่เข้าไปชกจำเลย นางอุบลภริยาจำเลยเข้าห้ามและรั้งตัวโจทก์ร่วมไว้ โจทก์ร่วมสะบัดหลุด จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที และเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่าโจทก์ร่วมเห็นจำเลยถือมีดอยู่ในมืออยู่แล้ว พอโจทก์ร่วมจะปรี่เข้าไปชก จำเลยก็ใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที แล้วเบิกความใหม่ว่าโจทก์ร่วมเข้าไปกอดรัดจำเลยนานประมาณ 10 นาที จำเลยจึงใช้มีดแทงเรื่องการกอดปล้ำโจทก์ร่วมกล่าวแก้เมื่อตอบคำถามติงของโจทก์ว่าจำเลยใช้มีดแทง แล้วโจทก์ร่วมจึงวิ่งเข้าไปกอดรัด ที่เบิกความว่าได้กอดปล้ำกับจำเลยนานประมาณ 10 นาที จำเลยจึงใช้มีดแทง โจทก์ร่วมเข้าใจผิดไป ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า คำเบิกความของโจทก์ร่วมกลับไปกลับมาไม่สมเหตุผล หากโจทก์ร่วมเห็นจำเลยถือมีดอยู่ในมือแล้วคงไม่กล้าปรี่เข้าไปชกจำเลย ไม่เชื่อว่าจำเลยถือมีดอยู่ในขณะที่โจทก์ร่วมเข้าชกจำเลย เมื่อพิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ตอบคำซักถามและคำถามติงของโจทก์กับที่ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยประกอบกันแล้ว เชื่อว่าจำเลยด่าโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมโกรธจึงได้ปรี่เข้าไปชกจำเลย แล้วโจทก์ร่วมกับจำเลยกอดปล้ำกันนานพอสมควร จำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที เห็นว่า โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลย และเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วมดังนั้น การที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานานและหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ทั้งโจทก์ร่วมก็เบิกความว่า หากจำเลยจะใช้มีดแทงโจทก์ร่วมให้ถึงแก่ความตายก็ย่อมทำได้แต่จำเลยไม่ทำจึงเห็นได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วมก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้น หากไม่ใช้มีดแทงโจทก์ร่วมก็ยากที่จะพ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ มีดของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่ริบ

Share