คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10288/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยในฐานะผู้ขนส่งต้องรับผิดในกรณีสินค้าที่จำเลยรับขนส่งสูญหายในขณะที่จำเลยขับรถประสบอุบัติเหตุตามข้อสันนิษฐานของ ป.พ.พ. มาตรา 616 เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังรับฟังไม่ได้ว่ามีสินค้าที่จำเลยรับขนสูญหายจริง ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน สองแสนบาท และไม่ปรากฏว่าผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีความเห็นแย้ง หรือผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้รับรองไว้หรือรับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง (เดิม)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเข้าร่วมรับจ้างขนสินค้ากับโจทก์และต้องรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่จำเลยรับขนเนื่องจากการขับรถโดยประมาทเลินเล่อ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือ ความรับผิดในฐานะผู้ขนสินค้า มิใช่ขอให้รับผิดในฐานะเป็นผู้กระทำละเมิด แม้ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้กระทำละเมิด ก็เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในข้อนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยโดยชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 246 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 109,850.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อย 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 105,911.92 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าโดยว่าจ้างบุคคลภายนอกนำยานพาหนะเข้าร่วมขนส่งสินค้า จำเลยนำรถบรรทุกหกล้อหมายเลขทะเบียน 82 – 3200 กาฬสินธุ์ เข้าร่วมและทำสัญญารับขนสินค้ากับโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่าในการขนส่งสินค้าจำเลยต้องรับผิดชอบในการสูญหาย บุบสลาย หรือส่งสินค้าล่าช้า และการสูญหายบุบสลายอันเกิดจากอุบัติเหตุ ตามใบสมัครรถร่วมและหนังสือสัญญารับขนสินค้า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขนส่งสินค้าของบริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด จากอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ไปส่งให้แก่ผู้รับสินค้าปลายทางที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยจำเลยรับสินค้าไปครบถ้วนแล้ว ตามใบรับสินค้า ต่อมาวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ระหว่างทางในการขนสินค้าดังกล่าวเมื่อจำเลยขับรถบรรทุกแล่นไปถึงถนนมิตรภาพสาย 24 อำเภอประโค่นชัย จังหวัดบุรีรัมย์ รถบรรทุกเกิดเหตุพลิกคว่ำทำให้สินค้าของบริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด ได้รับความเสียหาย ส่วนจำเลยได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุโจทก์ชำระค่าสินค้าให้แก่บริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด แล้ว และวันที่ 2 สิงหาคม 2557 โจทก์นำสินค้าที่ได้รับความเสียหายออกประมูลขายได้เงิน 150,000 บาท ตามใบสำคัญรับและใบค่าเสียหาย ที่โจทก์ฎีกาว่าสินค้าที่จำเลยรับขนส่งสูญหายในขณะที่จำเลยขับรถบรรทุกประสบอุบัติเหตุ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 บัญญัติว่า ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขามอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งมอบชักช้า เว้นแต่จะพิสูจน์ว่าการสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งมอบชักช้านั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเองหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับตราส่ง จำเลยต้องรับผิดตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าว เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังรับฟังไม่ได้ว่ามีสินค้าที่จำเลยรับขนสูญหายจริง โจทก์ไม่อาจเรียกค่าเสียหายได้ พิพากษายกฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกามีเพียง 109,547.97 บาท ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง (เดิม) ซึ่งใช้บังคับขณะฟ้องคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์ข้อนี้มาโดยไม่ปรากฏว่าผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีความเห็นแย้ง หรือผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้รับรองไว้ หรือรับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องในกรณีจำเลยขับรถบรรทุกประมาทเลินเล่อจนเกิดอุบัติเหตุทำให้สินค้าของบริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด ได้รับความเสียหายและสูญหาย แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยกระทำละเมิด ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยกระทำละเมิดเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มิได้เป็นไปตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 นั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเข้าร่วมรับจ้างขนสินค้ากับโจทก์โดยนำรถของจำเลยร่วมขนส่งสินค้า และตกลงรับผิดในการสูญหายบุบสลาย ล่าช้าและการสูญหายหรือบุบสลายเกิดจากอุบัติเหตุ ต่อมาโจทก์ว่าจ้างจำเลยขนสินค้าของบริษัทไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด ไปส่งให้แก่ผู้รับสินค้าที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่ระหว่างทางจำเลยขับรถประมาทเลินเล่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้สินค้าได้รับความเสียหายและสูญหาย ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา คือ ให้จำเลยในฐานะผู้ขนส่งรับผิดในความเสียหายและสูญหายอันเนื่องมาจากการขนสินค้า การที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะผู้กระทำละเมิด ดังนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยกระทำละเมิดโจทก์หรือไม่ และหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยโดยฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในข้อนี้ เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง นั้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 246 แล้ว ฎีกาของโจทก์ประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share