คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับเกิดจากการที่จำเลยตกลงชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงของ ช. กรณีจึงต้องถือว่า จำเลยยอมเข้าผูกพันเป็นผู้ชำระหนี้แทน ช. โดยมิได้เป็นการขัดกับเจตนาของคู่กรณีหรือโดยฝืนใจลูกหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 314 ข้อตกลงดังกล่าวจึงมิใช่เป็นสัญญาต่างตอบแทนดังที่จำเลยฎีกา เมื่อจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คชำระเงิน 3,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 3,000,000 บาท ให้แก่โจทก์ทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (15 มกราคม 2558) เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความรวม 9,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยซึ่งเป็นนายประกันของนายชาตรี จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฉ้อโกง ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4508/2555 ของศาลชั้นต้น ทำข้อตกลงกันว่า จำเลยตกลงชำระเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสอง 5,000,000 บาท โดยจำเลยชำระเป็นเงิน 1,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสองแล้ว กับสั่งจ่ายเช็คให้อีก 4 ฉบับ ฉบับละ 1,000,000 บาท ซึ่งหากโจทก์ทั้งสองเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ครบถ้วนแล้วจะถอนฟ้องนายชาตรี แต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองเรียกเก็บเงินตามเช็คได้เพียง 1 ฉบับ ส่วนอีก 3 ฉบับ นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายชาตรีมีกำหนด 2 ปี 3 เดือน นอกจากนี้ คดีที่โจทก์ทั้งสองฟ้องนายชาตรีกับพวกต่อศาลจังหวัดนนทบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1453/2557 ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดซึ่งขณะทำสัญญาซื้อขาย นายชาตรีเป็นบุคคลล้มละลายไม่อาจเข้าเป็นคู่สัญญาได้ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายจึงเป็นโมฆะ ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนห้องชุดเลขที่ 499/24 ชั้นที่ 3 อาคารชุดจอมเทียนพลาซ่าคอนโดมิเนียม เอ ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 16/2550 ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 121409 และ 140198 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แต่ให้ยกคำขอของโจทก์ทั้งสองในส่วนรายการจดทะเบียนขายฝาก รายการจดทะเบียนปลดเงื่อนไขการไถ่จากการขายฝากและรายการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 100938 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมิได้เป็นหนี้โจทก์ทั้งสอง จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อบรรเทาความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองในคดีที่นายชาตรีกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีข้อตกลงว่าหากเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ทั้งหมด โจทก์ทั้งสองจะถอนฟ้องนายชาตรีจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อนายชาตรีถูกศาลพิพากษาลงโทษ โจทก์ทั้งสองไม่อาจถอนฟ้องนายชาตรี ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับ เห็นว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับเกิดจากการที่จำเลยตกลงชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงของนายชาตรี กรณีจึงต้องถือว่าจำเลยยอมเข้าผูกพันเป็นผู้ชำระหนี้แทนนายชาตรี โดยมิได้เป็นการขัดกับเจตนาของคู่กรณีหรือโดยฝืนใจลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 314 ข้อตกลงดังกล่าวจึงมิใช่เป็นสัญญาต่างตอบแทนดังที่จำเลยฎีกา เมื่อจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้งสามฉบับ จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คชำระเงิน 3,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share