แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม แม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า “เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขารเจ๊กหน้าหนังหีกูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว” ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 362, 365(3) คืนของกลางแก่เจ้าของ จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362ประกอบมาตรา 365(3) ลงโทษจำคุก 6 เดือน กับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 2 ปีเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นจำคุก 2 ปี6 เดือน คืนของกลางแก่เจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ว่า ไม่เป็นการพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยบุกรุกเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3), 288, 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยแต่เพียงว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ปัญหาข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความของนางมณฑารัตน์ ถิ่นสุข ผู้เสียหายว่า ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ได้ยินเสียงคนพังประตูห้องนอนผู้เสียหายทางด้านระเบียง จึงลุกขึ้นเปิดไฟ เห็นจำเลยถือมีด และเข้ามาแทงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ได้พูดจากัน คมมีดถูกที่บริเวณคาง ผู้เสียหายจับมือของจำเลยไว้ แต่สู้แรงจำเลยไม่ได้ คมมีดถูกคอผู้เสียหายแต่เฉียดไปและจำเลยได้แทงอีกถูกที่ใต้ราวนม บาดแผลตามที่ผู้เสียหายเบิกความนั้นสอดคล้องกับรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง จึงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายดังที่ผู้เสียหายเบิกความ ปัญหาข้อนี้จำเลยนำสืบว่าเมื่อเวลาประมาณ 1 นาฬิกา จำเลยได้ตะโกนเรียกผู้เสียหายแล้วไปนั่งดื่มเบียร์รอผู้เสียหายประมาณ 1 ชั่วโมงแต่ผู้เสียหายไม่ไปพบ จำเลยจึงปีนขึ้นไปที่ชั้นสองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายเห็นผู้เสียหายนอนอยู่ ผู้เสียหายได้ลุกขึ้นมาด่าจำเลยอย่างหยาบคายไล่ให้จำเลยออกไปแล้วคว้ามีดมาไล่แทงจำเลยถูกที่นิ้วชี้กลางกับข้อศอกด้านขวาเป็นบาดแผล จำเลยแย่งมีดเล่มนั้นได้ แล้วได้เสียบแทงกลับไปที่ตัวผู้เสียหาย 1 ครั้ง การนำสืบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม และถึงแม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้จะฟังว่าผู้เสียหายพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า “เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขาร เจ๊ก หน้าหนังหีกูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว” ดังที่จำเลยเบิกความก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และการที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายนั้นก็ไม่ได้แสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมดังที่ฎีกา จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยได้กระทำลงไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน