แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามโดยให้ยกคำร้องโดยเหตุที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ล่วงเลยกำหนดมิใช่คำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ด้วยเนื้อหาในอุทธรณ์อันจะเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดเป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตายในทางการงานที่จ้างของจำเลยที่ 2เป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกระกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 14 มกราคม 2537โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์วันที่ 24 มกราคม 2537 พร้อมคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ว่า ที่โจทก์อ้างว่าทนายโจทก์และโจทก์หลงผิดดูตัวเลขที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 14 มกราคม 2537 เป็นวันที่ 24 มกราคม 2537 นั้นไม่น่าเชื่อเพราะปรากฏว่าศาลชั้นต้นเขียนเลข 14 ไว้ ในคำสั่งอย่างชัดเจน ไม่มีทางที่จะมองเป็นเลข 24 ไปได้ จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์ได้ ให้ยกคำร้อง และสั่งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาว่า ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์จึงยกคำร้อง และสั่งอุทธรณ์ว่าศาลไม่อนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์และคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอย่างคนอนาถา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาพร้อมอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสามการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ก่อนมีคำสั่งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาจึงให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสามแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา คู่ความไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบเห็นควรให้งดการไต่สวนคำร้องขออนาถา หากโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์ ให้นำค่าขึ้นศาลมาวางศาลภายในวันที่2 กันยายน 2537 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลหลายครั้ง ต่อมาได้นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระ ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์เลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ และศาลไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว การขยายระยะเวลาอุทธรณ์จะต้องยื่นก่อนพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ แต่โจทก์มาขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้วโดยอ้างเหตุดูวันที่ผิด มิใช่กรณีเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้และอุทธรณ์ของโจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะรับอุทธรณ์ของโจทก์ได้ ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “การที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งดังกล่าวโดยให้ยกคำร้องของโจทก์ ก็โดยเหตุที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ล่วงเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาไว้ อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 นั้น มิใช่คำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ด้วยเนื้อหาในอุทธรณ์ของโจทก์อันจะเป็นคำสั่งซึ่งเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่งโจทก์จึงมีสิทธิฎีกาได้ ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป”