คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แปลสัญญา การแปลสัญญาจะต้องเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแม้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษรแต่ถ้าในสัญญาได้แสดงเจตนาของคู่สัญญาไว้ชัดแจ้งแล้วจะไปหยิบยกคำพะยานและเหตุอื่น ๆ มาลบล้างข้อความในหนังสือสัญญานั้นมิได้ ในสัญญามีความว่าถ้าจำเลยไม่อยู่ในที่ดินมีสิทธิเรียกเงิน 400 บาท จากโจทก์ แล้วโอนที่ดินให้โจทก์ ต้องหมายความว่าถ้าจำเลยยังมิได้ใช้สิทธิเรียกเงิน 400 บาทจากโจทก์อยู่ตราบใด จำเลยก็ยังไม่มีหน้าที่ผูกพันต่อโจทก์อยู่ตราบนั้น

ย่อยาว

จำเลยทั้ง ๒ เป็นสามีภริยากัน โจทก์กับจำเลยที่ ๒ มีกรรมสิทธิที่ดินร่วมกันโฉนดที่ ๒๙๑๖ ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ ๒ ได้ตกลงแบ่งแยกที่ดินรายนี้แก่กันได้แบ่งแยกโฉนดกันเสร็จแล้ว แลตามสัญญาแบ่งแยกที่ดินรายนี้มีข้อความว่า ” ข้าพเจ้านายแก้วนางตลับเจ้าของที่ดินยอมตกลงแบ่งเนื้อที่ตามโฉนดเลขที่ ๒๙๑๖ ฯลฯ ยกให้เป็นของนางตลับคนเดียว ฯลฯ ถ้าผู้รับไม่อยู่ในที่ดินนี้มีสิทธิเรียกเงิน ๔๐๐ บาท จากเจ้าของโรงสี และยกให้แก่เจ้าของโรงสีต่อไป ” บัดนี้จำเลยทั้ง ๒ ได้ซื้อเรือนออกจากที่รายนี้แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
ศาลฎีกาตัดสินว่าในหนังสือนี้ตอนแรกกล่าวถึงที่ดินส่วนที่แบ่งแยกเป็นของจำเลยข้อความตอนท้ายกล่าวไว้ว่า ถ้าจำเลยไม่อยู่ในที่รายนี้มีสิทธิเรียกเงิน ๔๐๐ บาทจากโจทก์ แล้วโอนที่ดินให้โจทก์ แต่หาได้มีข้อความหรือเงื่อนแง่ให้จำเลยมีหน้าที่ต้องโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในเมื่อจำเลยไม่อยู่ในที่ดินด้วยไม่ จริงอยู่การแปลสัญญาจะต้องเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร แต่คดีนี้ใจความในหนังสือสัญญาแสดงเจตนาของคู่สัญญาไว้โดยชัดแจ้งแล้ว จะไปหยิบยกคำพะยานและเหตุอื่น ๆ มาลบล้างหรือแปลเปลี่ยนข้อความในหนังสือสัญญามิชอบ คดีนี้จำเลยยังมิได้ใช้สิทธิเรียกเงินจากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ผูกพันต่อโจทก์ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ ยืนตามศาลอุทธรณ์

Share