คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินมี ส.ค.1 ซึ่งเป็นที่คูเมืองอยู่ในความดูแลของทางราชการและได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุแล้ว โจทก์เข้าครอบครองโดยกั้นรั้วลวดหนามและเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา แล้วจำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่ดินของโจทก์โดยทำสัญญาเช่ากับราชพัสดุจังหวัดดังนี้การที่โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่คูเมืองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นการครอบครองของโจทก์ไม่อาจใช้ยันต่อรัฐได้ ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานบุกรุก (ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2520)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2518 ถึงขณะที่ฟ้อง เวลากลางวันจำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปปลูกสร้างเรือนลงในที่ดินของโจทก์เพื่อถือการครอบครอง และกระทำการอันเป็นการรบกวนครอบครองของโจทก์โดยปกติสุขขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365, 83, 84

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่าคดีมีมูล สั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 จำคุก 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาช้านานเพียงใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้ยันจำเลยไม่ได้ไม่มีอำนาจฟ้อง และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการบุกรุก

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วว่า โจทก์ซื้อที่ดินเนื้อที่ 11 ไร่ มี ส.ค.1 จากผู้มีชื่อ และได้เข้ายึดถือครอบครองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511โดยกั้นรั้วลวดหนามและเสียภาษีบำรุงท้องที่ต่อทางราชการทุกปีตลอดมา แต่ที่ดินนี้เป็นที่คูเมืองอยู่ในความดูแลของทางราชการ ทางราชการได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ เมื่อ พ.ศ. 2518 จำเลยได้เข้าไปปลูกห้องแถวในที่ดินของโจทก์เนื้อที่ 135 ตารางวา ซึ่งเป็นที่พิพาท โดยทำสัญยาเช่ากับนายอานันต์ ธรรมาธิกุลราชพัสดุจังหวัดนครศรีธรรมราช

แล้ววินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การที่โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นคูเมืองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น การครอบครองของโจทก์ไม่อาจใช้ยันต่อรัฐได้ ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share