คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8247/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์จาก ล.สามีจำเลย โดยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เพราะโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเกินกว่า20 ปี แล้ว ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่ดินพิพาทจาก ล. จำเลย ล.สามีจำเลย และ บ.บุตรจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ขอให้ศาลยกฟ้อง ดังนี้ จะเห็นได้ว่าโจทก์จำเลยยกประเด็นเรื่องการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นต่อสู้เป็นสาระสำคัญ ส่วนเรื่องสัญญาซื้อขายที่ดินนั้น โจทก์กล่าวอ้างเพียงให้เห็นว่า ล.สามีจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์ครอบครองเท่านั้น ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การซื้อขายที่ดินพิพาทโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ที่จำเลยฎีกาว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทเฉพาะการซื้อขายเท่านั้นศาลอุทธรณ์ยกเรื่องสิทธิครอบครองขึ้นวินิจฉัยไม่ชอบนั้น ในครั้งแรกศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ด้วย และพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาดังกล่าว โจทก์จำเลยต่างไม่ฎีกา ปัญหาว่าคดีมีประเด็นว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยจะยกปัญหานี้ขึ้นฎีกาในชั้นนี้อีกหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

Share