คำสั่งคำร้องที่ 784/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสี่ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำฟ้องฎีกาของจำเลยเช่นเรื่องบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นถนนสาธารณะหรือไม่ จำเลยอื่นร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ รวมทั้งขอให้รอการลงโทษนั้น นับว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยแก้ไขโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เพียงเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฉะนั้น จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสี่
จำเลยทั้งสี่เห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2.1 ที่ว่าบาดแผลเป็นอันตรายถึงสาหัสหรือไม่นั้น จำเลยทั้งสี่ฎีกาในกรณีที่โจทก์และโจทก์ร่วมสืบไม่ชัดแจ้ง และฎีกาในข้อ 2.3 เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ถูกต้องไม่ใช่ฎีกา ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ได้ร่วมกระทำผิดกับ จำเลยที่ 1 ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญอันสมควรที่จะได้รับการพิจารณาวินิจฉัยจากศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสี่ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 94,96)
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายสมบูรณ์ วงศ์จรัสกุลผู้เสียหายที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,371 ข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือ มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามพฤติการณ์ วางโทษจำคุก 2 ปี ข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุ อันสมควร และโดยไม่รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและ เร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์เป็นกรรมเดียวผิด ต่อกฎหมาย หลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนักตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 วางโทษจำคุก 6 เดือน ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส วางโทษจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 ถึง จำเลยที่ 4มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 วางโทษจำคุกคนละ 2 ปี เฉพาะจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นนักเรียนและ อายุยังน้อย ทั้งไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิด มาก่อนเห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ริบของกลางข้อหาอื่นให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 6 เดือน จำเลยทั้งสี่ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,297(8) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม มาตรา 297(8) อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 คนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 อายุ 16 ปี ลดมาตราส่วน โทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน เฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นนักเรียนและอายุยังน้อยทั้งไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน สมควรให้ โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไปจึงให้รอการลงโทษไว้ คนละ 2 ปี ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยทั้งสี่ ต่างยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ และมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสี่(อันดับ 92,89)
จำเลยทั้งสี่จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 94)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,371 ข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุจำเป็นและรีบด่วนตามพฤติการณ์ วางโทษจำคุก 2 ปีข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 วางโทษจำคุก 6 เดือน ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส วางโทษจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 วางโทษจำคุกคนละ 2 ปี เฉพาะจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นนักเรียน และอายุยังน้อย ทั้งไม่ปรากฏว่าเคยกระทำผิดมาก่อน เห็นสมควร รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 2 เดือน จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,297(8) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 297(8)อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 คนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 อายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ กึ่งหนึ่ง จำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน เฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นนักเรียนและอายุยังน้อย ทั้งไม่ปรากฏว่าเคยกระทำผิดมาก่อน สมควรให้โอกาสกลับตัว เป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด คนละ 2 ปี ริบของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฉะนั้นที่ จำเลยทั้งสี่ฎีกาตามฎีกาข้อ 2.1 เรื่องบาดแผลของ นายสุจิตต์แซ่โค้วบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ข้อ 2.2 เรื่อง ถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนสาธารณะหรือไม่ ข้อ 2.3 จำเลยอื่น ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ รวมทั้งขอให้รอการลงโทษ ให้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น โดยที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้จำเลยทั้งสี่ฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลยทั้งสี่

Share