คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4722/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญตาม ป.อ. มาตรา 392 ด้วย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดังกล่าวตามฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นมิได้ปรับบทกฎหมายลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรานี้แต่กลับกำหนดโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 ก็มิได้แก้ไขให้ถูกต้อง เพียงแต่วงเล็บข้อความไว้ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในส่วนที่กล่าวถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ที่ถูกมาตรา 392 ด้วย ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 392 อีกบทหนึ่ง อันเป็นกรรมเดียวกับความผิดตาม ป.อ. มาตรา 376 ให้ลงโทษฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลับโดยการขู่เข็ญ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2549 เวลากลางวัน จำเลยมีอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ใช้ยิงได้ มีเครื่องหมายเลขทะเบียนอาวุธปืนของนายทะเบียน หมายเลขทะเบียน กท 39110712 ซึ่งเป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่นที่ได้รับใบอนุญาต และเครื่องกระสุนปืนขนาดเดียวกัน 1 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปบริเวณวัดดอนโม่ ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และจำเลยได้กระทำให้นายปริญญา หรือเด็กซ์ พะกาวัลย์ ผู้เสียหาย เกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญด้วยการใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเล็งไปทางผู้เสียหายซึ่งนั่งอยู่ภายในบริเวณงานสรงน้ำพระวัดดอนโม่แล้วยิงปืน 1 นัด ให้กระสุนปืนเฉี่ยวไปไม่ถูกผู้เสียหาย อันเป็นการยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน และในที่ชุมนุมชน เพื่อข่มขู่ผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวจ้องเล็งส่ายไปมาทางผู้เสียหาย พร้อมทั้งขู่เข็ญให้ผู้เสียหายลุกเดินออกไปทางด้านหน้า ห้ามไม่ให้หันหน้าไปมองทางจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371, 376, 392
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376 (ที่ถูก มาตรา 392 ด้วย) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ จำคุก 10 วัน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน 10 วัน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน 5 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า อาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรงโดยสภาพ สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่นได้โดยง่าย แม้อาวุธปืนดังกล่าวจะเป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่นที่ได้รับใบอนุญาต แต่การที่จำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในที่เกิดเหตุและยังใช้อาวุธปืนดังกล่าวเล็งไปทางผู้เสียหายแล้วยิงปืน 1 นัด ให้กระสุนปืนเฉี่ยวไปไม่ถูกผู้เสียหาย เพื่อข่มขู่ผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยยังใช้อาวุธปืนดังกล่าวจ้องเล็งส่ายไปมาทางผู้เสียหาย พร้อมทั้งขู่เข็ญให้ผู้เสียหายลุกเดินออกไป ไม่ให้หันหน้าไปมองทางจำเลยอีกด้วย นับว่าจำเลยไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองอันเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนและความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษและไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์ได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ด้วย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานดังกล่าวตามฟ้องด้วย แต่ศาลชั้นต้นมิได้ปรับบทกฎหมายลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรานี้ แต่กลับกำหนดโทษจำเลยฐานกระทำให้ผู้อื่นตกใจแล้วโดยการขู่เข็ญ จึงเป็นการไม่ชอบ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 ก็มิได้แก้ไขให้ถูกต้องโดยเพียงแต่วงเล็บข้อความไว้ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในส่วนที่กล่าวถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ที่ถูก มาตรา 392 ด้วย และที่ถูก ฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ และฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ไว้เท่านั้น ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 อีกบทหนึ่ง อันเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ให้ลงโทษฐานกระทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 กำหนดโทษให้คงเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share