แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาหลังจากพ้นกำหนดแล้ว จึงไม่อนุญาตจำเลยเห็นว่า จำเลยมิได้จงใจไม่ยื่นคำแก้ฎีกาภายในกำหนดแต่เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยเนื่องจากจำเลยต้องขังอยู่ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ การติดต่อกับญาติพี่น้องของจำเลยซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดฝางเพื่อขอให้ทนายความทำคำแก้ฎีกาต้องใช้เวลาหลายวันเพราะท้องที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลกัน ประกอบกับศาลได้กำหนดเวลาให้จำเลยยื่นคำแก้ฎีกาภายในเวลาเพียง 7 วัน จึงเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถทำคำแก้ฎีกายื่นต่อศาลภายในกำหนดได้ โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลายื่นคำแก้ฎีกาออกไปอีก 7 วัน นับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่ง
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80,371,90,91 ฯลฯ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ฯลฯ ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7,72 วรรคแรก จำคุก 1 ปี ตามมาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ วรรคสองซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยฐานความผิดละ 6 เดือน และลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 จำคุก 12 ปีรวมลงโทษจำคุกจำเลย 13 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 3 ปี คำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา จำเลยได้รับสำเนาฎีกาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2531(อันดับ 51,55)
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำแก้ฎีกา ลงวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตดังกล่าว (อันดับ 57)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58)
คำสั่ง
ล่วงเลยกำหนดระยะเวลาแก้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 200 ประกอบด้วยมาตรา 225 แล้ว และกรณีของจำเลยมิใช่เหตุสุดวิสัย จึงไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาแก้ฎีกาให้ยกคำร้อง