แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์โจทก์บอกกล่าวให้ จำเลยตัด จำเลยก็ไม่ยอมตัดและไม่ยอมให้โจทก์ ตัดแสดงว่าจำเลย ยังครอบครองและแสดงความหวงแหนเป็นเจ้าของต้นไม้นั้นอยู่ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังคงปล่อยให้ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดิน ของโจทก์โดยไม่ยอมค้ำจุนหรือตัดออกเพื่อระงับความเสียหาย อันจะพึงเกิดแก่โจทก์ต่อไป ย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ติดต่อกันมาอยู่ตราบนั้นโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนที่ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปีย้อนหลังไปนับแต่วันฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ปลูกบ้านในที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ภายในรั้วบ้านยังไม่ได้มุงหลังคา ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม 2521 ต้นมะละกอและต้นพุทราของจำเลยที่ปลูกอยู่ในที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยได้ล้มเอนข้ามรั้วบ้านของโจทก์เข้ามาทับเครื่องบนบ้านโจทก์ ทำให้มุงหลังคาไม่ได้ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยตัดต้นไม้ดังกล่าว จำเลยไม่ยอมตัดและไม่ให้โจทก์ตัด โจทก์ปลูกบ้านเพื่อเลี้ยงสุกรและทำโรงสีข้าวขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการดังกล่าวได้ หากดำเนินกิจการดังกล่าวได้จะได้กำไรปีละ 3,000 บาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ถึงปี พ.ศ. 2523 รวม 3 ปี จะได้กำไร 9,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยตัดต้นมะละกอและต้นพุทรา ถ้าจำเลยไม่ยอมตัดให้โจทก์ตัดออกได้ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย9,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายในปีต่อไปพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ต้นมะละกอและต้นพุทราล้มเนื่องจากเกิดพายุฝนจำเลยไม่อาจตัดต้นมะละกอและต้นพุทราได้ เพราะกำลังพิพาทฟ้องร้องอยู่กับนางระบับเกี่ยวกับทางเดินเข้าออกซึ่งต้องตัดต้นมะละกอและต้นพุทรา ที่โจทก์อ้างว่าต้นไม้ล้มทับบ้าน ความจริงเป็นเพียงเพิงที่โจทก์ปลูกไว้แสดงอาณาเขตที่โจทก์ครอบครองหาได้ทำเพื่อเลี้ยงสุกรหรือทำโรงสีเล็ก การที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจึงไม่ชอบ หากเสียหายก็ไม่เกิน 50 บาท และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 1,000 บาท ส่วนคำขอให้จำเลยตัดต้นไม้ ปรากฏว่าต้นไม้ตัดออกไปแล้ว จึงให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ต้นไม้ของจำเลยล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กรณีต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 434 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ และกรณีนี้มิใช่เป็นการกระทำละเมิดซ้ำไม่เป็นการต่อเนื่อง ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2521 โจทก์รู้ถึงการละเมิดและตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแต่แรกแล้ว โจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2523 เป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าคดียังไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยก็จำต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434 วรรคสอง โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยตัด จำเลยก็ไม่ยอมตัด และไม่ยอมให้โจทก์ตัด แสดงว่าจำเลยยังครอบครองและแสดงความหวงแหนเป็นเจ้าของต้นไม้นั้นอยู่ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังปล่อยให้ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่ยอมค้ำจุนหรือตัดออกเพื่อระงับความเสียหายอันจะพึงเกิดแก่โจทก์ต่อไปย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ติดต่อกันตลอดมาอยู่ตราบนั้น โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ แต่ค่าเสียหายส่วนใดที่โจทก์เรียกร้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ค่าเสียหายส่วนที่ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี หาขาดอายุความด้วยไม่
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น