แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริงทั้งหมดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ยกฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการตีความเอกสารหมาย จ.14 หรือ ล.1 ว่า จำเลยสามารถหักกลบลบหนี้เงินจำนวน50,000 บาท กับหนี้ตามเช็คพิพาททั้ง 5 ฉบับหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 98)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 97)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 98)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิด เป็นการยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์แปลความตามสัญญาเอกสารหมาย จ.14 หรือล.1 ว่า จำเลยมีสิทธิขอให้โจทก์คิดหักเงินประกันจากหนี้ไม่ถูกต้องการกระทำของจำเลยเป็นความผิด จึงไม่เป็นสาระแก่คดี เพราะเมื่อฟังแล้วว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยก็ย่อมไม่เป็นความผิด ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง