แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยได้ทำหรือผลิตเสื้อยืดและปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายมาจนกระทั่งผู้เสียหายสืบทราบและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม มีจำนวนไม่น้อยเฉพาะที่ยึดมาเป็นของกลางเป็นชิ้นส่วนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยดังนี้ ตามความร้ายแรงและผลการกระทำของจำเลยไม่สมควรรอการลงโทษ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหรือผลิตเสื้อยืดคอปก และปลอมเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า จีคิว อันเป็นเครื่องหมายการค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดภาราผู้เสียหายซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจีคิว ตามกฎหมาย ทั้งนี้ โดยจำเลยได้ทำเครื่องหมายการค้าอักษรโรมัน คำว่า จีคิว ปลอมให้ปรากฏบนผ้าสี่เหลี่ยมเล็กแล้วนำไปติดที่คอเสื้อและปักเครื่องหมายการค้าจีคิวที่กระเป๋าเสื้อ และทำให้ปรากฏเครื่องหมายการค้าจีคิวในสลากแผ่นป้ายกระดาษบอกราคาแล้วนำไปผูกติดกับเสื้อยืด เพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าเป็นเสื้อยึดสินค้าของผู้เสียหาย เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเสื้อยืดคอปกติดเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจำนวน 92 ตัว เศษผ้าอย่างเดียวกับเสื้อยืด 1 ถุง ผ้ายืดเป็นชิ้นลายเนื้อผ้าอย่างเดียวกับเสื้อปักอักษรจีคิวสำหรับทำกระเป๋า 80 ชิ้นเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาท ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายตามฟ้อง ชั้นสอบสวนและพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพตลอดมา สินค้าเสื้อยืดที่เจ้าพนักงานยึดมามีจำนวนเพียงเล็กน้อย จำเลยได้กระทำความผิดครั้งแรกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนขอให้รอการลงโทษให้จำเลยนั้นตามพฤติการณ์เชื่อว่าจำเลยได้ทำหรือผลิตเสื้อยืดและปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายมาจนกระทั่งผู้เสียหายสืบทราบและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม มีจำนวนไม่น้อย เฉพาะที่ยึดมาเป็นของกลางเป็นชิ้นส่วนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย และที่จำเลยอ้างว่าได้กระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ฟังไม่ขึ้น เมื่อพิจารณาถึงความร้ายแรงและผลของการกระทำของจำเลยแล้ว เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้น เหมาะสมกับรูปคดีแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน