แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลกำหนดเวลานัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แน่นอนแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องมาศาลตามนัด การที่โจทก์ไม่กำหนดเวลาเดินทางมาศาลให้ตรงเวลาทำให้มาถึงศาลล่าช้าและยังมาเสียเวลาเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีแทนที่จะรีบไปแถลงต่อศาล ย่อมไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 142/2529 ของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 8 ธันวาคม 2529 เวลา 9 นาฬิกาครั้นถึงวันนัดศาลรอจนถึงเวลา 9.30 นาฬิกาโจทก์ก็ยังไม่มา ศาลชั้นต้นจึงสั่งยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 ในวันเดียวกันโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าโจทก์มาถึงศาลเวลา 9.10 นาฬิกาก็ลงมือเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีที่หน้าศาลเนื่องจากพยานโจทก์ยังไม่พร้อมพอเรียงคำร้องเสร็จนำเข้าห้องพิจารณาปรากฏว่าศาลสั่งจำหน่ายคดีแล้ว โจทก์มิได้จงใจขาดนัดขอให้ศาลหยิบยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่านัดไต่สวนมูลฟ้องเวลา 9 นาฬิกาแต่โจทก์ไม่มาตรงตามนัดเหตุผลตามคำร้องของโจทก์ไม่มีเหตุสมควรจึงไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นได้กำหนดวันเวลาไต่สวนมูลฟ้องไว้แน่นอนแล้ว โจทก์มีหน้าที่ต้องมาศาลตามนัดเหตุที่โจทก์อ้างว่ามาไม่ทันเพราะทนายโจทก์อยู่กรุงเทพเดินทางมาถึงเชียงใหม่เมื่อเวลา 8 นาฬิกาต้องใช้เวลาติดต่อตัวโจทก์และเดินทางมาศาลซึ่งอยู่ไกลจากชุมชน การจราจรติดขัดล้วนแต่เป็นเรื่องปกติธรรมดาซึ่งโจทก์อาจคาดคิดได้ล่วงหน้าอยู่แล้วและสามารถจะกำหนดระยะเวลาเดินทางเผื่อไว้ให้ทันกำหนดนัดของศาลได้การที่โจทก์ไม่กำหนดเวลาเดินทางมาศาลให้ตรงเวลาทำให้มาถึงศาลล่าช้าและยังมาเสียเวลาเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีที่หน้าศาลอีก แทนที่จะรีบไปแถลงต่อศาลเช่นนี้ ย่อมไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่
พิพากษายืน.