แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปี จำเลยฎีกาดุลพินิจของศาลในการลงโทษ จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจรอการลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 32)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,10,12,15 ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 31)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 32)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา และหากจะลงโทษจำคุกก็ขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาการใช้ดุลพินิจของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง