แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขุดดินทำไร่ไถนาในที่ดินของโจทก์ภายในเขตเสาหินที่เจ้าพนักงานปักไว้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่รู้แนวเขตที่ของโจทก์จำเลยแน่ชัด จำเลยเข้าใจว่าเป็นเขตที่ดินของตนเอง ไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินโจทก์ ดังนี้ จำเลยจะมายกข้อต่อสู้ในชั้นฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย เพราะโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์ เนื่องจากยังมิได้มีการทำสัญญาแบ่งแยกนั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นข้อที่มิได้กล่าวอ้างมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด
โจทก์เคยเป็นความกับจำเลยมาก่อนในคดีแดงที่ 211/2505 ของศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งผลที่สุดได้ตกลงทำสัญญายอมความแบ่งที่พิพาทกัน และศาลได้พิพากษาตามสัญญายอมอันถึงที่สุดแล้วเช่นนี้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยขัดขืนไม่ยอมไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ไปดำเนินการรังวัดแบ่งแยกต่อสำนักงานทะเบียนที่ดิน ก็ชอบที่โจทก์จะดำเนินการบังคับคดีให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงในคดีเดิมนั้นเอง การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยให้ไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินอันเป็นประเด็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทรายเดียวกันนี้อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีเดิมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งห้าเคยถูกจำเลยทั้งสองฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่งแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ ศาลจังหวัดนครปฐม และในคดีดังกล่าวโจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมแบ่งที่พิพาทกัน ตลอดจนในข้ออื่น ๆ เกี่ยวกับที่พิพาท ปรากฏรายละเอียดในสัญญายอมความ ภายหลังศาลได้พิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมหนี้แล้ว จำเลยไม่ยอมไปรังวัดแบ่งแยก จนที่สุดศาลได้สั่งเจ้าพนักงานที่ดินให้ไปจัดการ เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการรังวัดและลงหลักเขตตามข้อตกลงและได้หมายเรียกจำเลยไปทำสัญญาแบ่งแยกที่สำนักงานทะเบียนที่ดิน แต่จำเลยก็ไม่ยอมไป นอกจากนี้แล้วจำเลยยังได้บุกรุกเข้าตัดฟันไม้ ขุดดิน ทำไร่และไถหว่านข้าวในเขตของโจทก์ ทั้ง ๆ ที่จำเลยทราบหลักเขตที่เจ้าพนักงานลงไว้แล้ว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินตามสัญญายอม มิฉะนั้นก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนากับให้ชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญายอมตามคดีดังกล่าวในฟ้องจริง แต่จำเลยทั้งสองมิได้รู้เห็นเวลาแบ่งแยก จึงไม่ทราบแนวเขตของทั้งสองฝ่าย จำเลยไม่เคยตัดไม้ในเขตที่ของโจทก์ จำเลยไถนาในเขตที่ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นของฝ่ายจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินที่สำนักงานทะเบียนที่ดินจังหวัดนครปฐม ตามสัญญายอมความที่เจ้าพนักงานได้รังวัดแบ่งแยกไว้ตามคดีแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ ๔๐๐ บาทนับแต่ปีที่ฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย เพราะยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์ เนื่องจากยังมิได้มีการทำสัญญาแบ่งแยกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปขุดดินทำไร่ไถนาในที่ดินของโจทก์ภายในเขตเสาหินที่เจ้าพนักงานปักไว้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และจำเลยคงให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่รู้แนวเขตที่ของโจทก์จำเลยแน่ชัด จำเลยเข้าใจว่าเป็นเขตที่ดินของจำเลย ไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินโจทก์เท่านั้น จำเลยหาได้ต่อสู้ในข้อดังกล่าวไว้แต่ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ แต่เพิ่งมายกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาและมิใช่ข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาจำเลยในข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
ส่วนฎีกาจำเลยที่อ้างว่าไม่ผูกพันตามสัญญายอมความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงนี้มาก่อน และคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาตามสัญญายอมนี้จนคดีถึงที่สุดไปแล้วตามคดีแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ ของศาลจังหวัดนครปฐม โดยให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามแผนที่พิพาทที่ศาลหมายอักษรไว้ และโจทก์จำเลยจะไปทำสัญญาแข่งแยกต่อสำนักงานทะเบียนที่ดินภายใน ๑๕ วัน เมื่อปรากฏว่าฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องในประเด็นข้อหาอย่างเดียวกัน ในที่พิพาทแปลงเดียวกันกับในคดีดังกล่าวซึ่งศาลได้พิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ ปัญหาเกี่ยวกับฟ้องซ้ำเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ การที่จำเลยไม่ยอมไปทำสัญญาแบ่งแยกตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวในคดีนั้น โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีนั้นไปเลย ไม่ใช่ต้องมาฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่อีกเช่นคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในส่วนที่ให้จำเลยทั้งสองไปทำสัญญาแบ่งแยกที่พิพาทตามคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ ของศาลจังหวัดนครปฐมนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย พิพากษาแก้ให้ยกข้อหาโจทก์ในส่วนที่ให้จำเลยไปทำสัญญาแบ่งแยกที่ดินตามสัญญายอมความในคดีแพ่งแดงที่ ๒๑๑/๒๕๐๕ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการดำเนินการบังคับคดีดังกล่าวภายในกำหนดอายุความ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลอุทธรณ์.