คำสั่งคำร้องที่ 138/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยข้อ 2 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยนั้นถือว่าเป็นการแก้ไขมาก จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยจะต้องได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ให้จำเลยได้รับประโยชน์ โปรดรับฎีกาของจำเลย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 เดือน ปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ และไม่ปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 29)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 31)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ศาลอุทธรณ์จะแก้น้อยหรือแก้มาก แต่ก็ยังลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดที่ว่ามานี้ จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษโดยอ้างเหตุต่าง ๆ มาหลายประการนั้น ล้วนเกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษ และโต้แย้งข้อเท็จจริงซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลย ชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share