แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามระเบียบของจำเลยกำหนดว่า พนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นหรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเมื่อออกจากงาน มีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ จำเลยมีคำสั่งบรรจุโจทก์เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระสำนักงานไร่ยาสูบเชียงรายตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2491 และมีหนังสือถึงผู้จัดการไร่ยาสูบ เชียงรายส่งตัวโจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในเดือนเดียวกันนั้น เช่นนี้โจทก์มีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยในตำแหน่งนั้นตั้งแต่วันที่ระบุในคำสั่งดังกล่าวแล้วจำเลยมิได้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งอื่นในสำนักงานของจำเลยในกรุงเทพมหานครก่อนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำการที่จังหวัดเชียงรายอันเป็นการประจำการต่างท้องถิ่นแต่อย่างใด ไม่โจทก์จึงมิใช่พนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่เริ่มจ้าง อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิเบิกค่าพาหนะเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครตามระเบียบของจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ครั้งสุดท้ายทำหน้าที่รองผู้จัดการไร่ยาสูบเชียงราย โดยในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๙๑ โรงงานยาสูบได้มีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำที่จังหวัดเชียงราย ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุเกษียณอายุโดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์จึงเดินทางกลับมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นภูมิลำเนาที่จำเลยเริ่มจ้างโจทก์เข้าทำงาน จำเลยมีระเบียบโรงงานยาสูบว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศ ฯ กำหนดว่าพนักงานที่เดินทางไปประจำต่างท้องถิ่นหรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้าง เมื่อออกจากงานมีสิทธิเบิกค่าพาหนะและขนส่งเดินทางกลับ โจทก์ได้เสียค่าพาหนะและค่าขนของกลับกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๘,๑๑๑ บาท แต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเริ่มจ้างโจทก์เข้าทำงานครั้งแรกที่จังหวัดเชียงรายโดยบรรจุโจทก์ในตำแหน่งพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระ สำนักงานไร่ยาสูบเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๙๑ โจทก์จึงไม่ได้เดินทางไปประจำต่างท้องถิ่นและไม่ได้เดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้าง ตามระเบียบโรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๗โจทก์จึงไม่มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าพาหนะเดินทางจำนวน ๘,๑๑๑ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามระเบียบโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศพ.ศ. ๒๕๒๗ ข้อ ๗ กำหนดไว้ว่า พนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่น หรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเมื่อออกจากงานมีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ ความดังกล่าวนี้มีความหมายว่าพนักงานของจำเลยที่ประจำอยู่ ณ ที่ใดก็ตามหากต่อมาได้เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ประจำ ณ ที่แห่งหนึ่งนั้นแล้ว พนักงานผู้นั้นย่อมมีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ได้ และในกรณีเช่นนี้หากพนักงานผู้นั้นออกจากงานและเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างก็มีสิทธิเบิกค่าพาหนะดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน สำหรับกรณีของโจทก์นี้ จำเลยได้มีคำสั่งที่ ๒๓/๒๔๙๑ เรื่อง บรรจุและแต่งตั้งพนักงานฝ่ายไร่ โรงงานยาสูบ กรมสรรพสามิต มีข้อความว่า โรงงานยาสูบเห็นสมควรบรรจุเป็นพนักงานฝ่ายไร่และส่งไปประจำสำนักงานไร่ยาสูบ จึงให้บรรจุและแต่งตั้งพนักงานฝ่ายไร่ ดังต่อไปนี้
(๑) นายนิรัตน์ วิมลศิริ เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระแผนกควบคุมผู้บ่มอิสระ สำนักงานไร่ยาสูบเชียงราย
ฯลฯ
ทั้ง ๓ นายนี้ให้ได้รับเงินเดือนเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๙๑ เป็นต้นไป และต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๑ จำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จัดการไร่ยาสูบเชียงรายส่งตัวโจทก์มาปฏิบัติหน้าที่ความว่า ด้วยโรงงานยาสูบได้บรรจุและแต่งตั้งนายนิรัตน์ วิมลศิริ เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระ ประจำสำนักงานไร่ยาสูบเชียงรายดังสำเนาคำสั่งที่ได้แนบมาพร้อมนี้ เช่นนี้ ตำแหน่งของโจทก์ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากจำเลยคือ ตำแหน่งพนกังานควบคุมผู้บ่มอิสระแผนกควบคุมผู้บ่มอิสระของสำนักงานไร่ยาสูบเชียงราย จังหวัดเชียงราย อันมีผลให้โจทก์มีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๙๑ แล้ว จำเลยหาได้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งอื่นในสำนักงานของจำเลยในกรุงเทพมหานครมาก่อนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำการที่จังหวัดเชียงราย อันเป็นการประจำการต่างท้องถิ่นแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงมิใช่เป็นพนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่เริ่มจ้างตามความในข้อ ๗ แห่งระเบียบโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๗ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเบิกค่าพาหนะเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์