คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2352/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดย ว. ทนายความของจำเลยผู้มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยดังที่ระบุไว้ในใบแต่งทนาย ได้ลงลายมือชื่อไว้หน้าสำนวนเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับแล้ว แม้จำเลยมิได้อยู่ในศาลด้วย และใบแต่งทนายมิได้ระบุให้ทนายทราบคำบังคับแทนก็ตาม แต่การกระทำของ ว. เป็นการกระทำในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยตามกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์นำส่งคำบังคับแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม และได้ออกคำบังคับให้ทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบไว้หน้าสำนวน ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์อ้างว่าโจทก์ยังมิได้นำส่งคำบังคับให้จำเลย ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยมิได้อยู่ในศาลในเวลาที่ศาลมีคำบังคับและใบแต่งทนายของจำเลยก็มิได้ระบุให้ทนายจำเลยทราบคำบังคับแทน การที่ทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับของศาลถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำบังคับนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยนายวอ สระแก้ว ทนายความของจำเลยผู้มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยดังที่ระบุไว้ในใบแต่งทนาย ได้ลงลายมือชื่อไว้หน้าสำนวนเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแล้ว แม้ในเวลานั้นจำเลยมิได้อยู่ในศาลและใบแต่งทนายมิได้ระบุให้ทนายจำเลยทราบคำบังคับแทนก็ตามแต่การกระทำของทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนดังกล่าวข้างต้นเป็นการกระทำในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยตัวความซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยตามกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับของศาลแล้วไม่จำต้องให้โจทก์นำส่งคำบังคับเพื่อให้จำเลยทราบอีกครั้งหนึ่ง”

พิพากษายืน

Share