คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2684/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ แม้ความที่เป็นเท็จนั้นจะเป็นเรื่องเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 137, 172, 173, 174, 175, 177, 180, 181

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า เฉพาะจำเลยที่ 1 คดีมีมูลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 177, 181 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 175, 175, 177 วรรคสอง การกระทำทั้งหมดก็โดยเจตนาที่จะให้โจทก์ถูกลงโทษเป็นความผิดกรรมเดียว จึงให้ลงโทษตามมาตรา 177 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกแต่รอการลงโทษ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษและไม่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเป็นความผิดกรรมหนึ่ง ต่อมา จำเลยที่ 1 เอาความอันเป็นเท็จฟ้องโจทก์ต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญาก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งและเมื่อจำเลยที่ 1 ได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลตามมาตรา 177 ย่อมเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหาก การกระทำดังกล่าวมิใช่เป็นกรรมเดียวเป็นผิดต่อกฎหมายหลายบท และเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 175, 177 วรรคสอง ลงโทษแต่ละกรรมเป็นรายกระทงความผิด

Share