คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้น เป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพรานจำเลยได้ทำสัญญาประกันต่อโจทก์ประกันตัวนายพยอมผู้ต้องหา โดยสัญญาว่าจะนำตัวนายพยอมส่งต่อโจทก์ในกำหนด มิฉะนั้นยอมให้ปรับ 90,000 บาทต่อมาจำเลยไม่สามารถนำตัวนายพยอมส่งให้โจทก์ได้ ขอให้จำเลยชำระเงิน90,000 บาท

จำเลยให้การว่า จำเลยประกันตัวนายพยอมต่อร้อยตำรวจตรีพิธีในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองในอัตราค่าปรับฐานผิดสัญญาไม่เกิน 9,000 บาทไม่ได้ประกันนายพยอมในข้อหาคดีอุกฉกรรจ์อีกกระทงหนึ่ง ร้อยตำรวจตรีพิธีไม่มีอำนาจสั่งในเรื่องประกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้ส่งตัวนายพยอมให้ร้อยตำรวจตรีพิธีตามนัดครั้งหนึ่งแล้ว ร้อยตำรวจตรีพิธีมิได้กำหนดให้ส่งตัวอีกครั้ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันเป็นเงิน 50,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระเงินให้ครบ 90,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดเป็นจำนวน 90,000บาทเต็มตามสัญญาประกันหรือไม่นั้น เห็นว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้นเป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 สำหรับเบี้ยปรับในคดีนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงข้อหาแห่งความผิดที่อ้างว่านายพยอมผู้ต้องหากระทำผิดคือฐานมีอาวุธปืนโอโตเมติกขนาด 11 มิลลิเมตร 1 กระบอกไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้จับกุมโดยนายพยอมผู้ต้องหาใช้มือผลักจ่าสิบตำรวจปราโมทย์ ศิริทรัพย์ เซหน้าหงายไปเท่านั้น ประกอบกับได้ความจากพยานโจทก์เองว่านายพยอมผู้ต้องหา ต่อมาได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายไปแล้ว ฉะนั้นจึงเห็นสมควรลดจำนวนเงินค่าปรับตามสัญญาประกันลงเหลือเพียง 9,000 บาท

พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าปรับ 9,000 บาท

Share