แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยรู้ว่ายางพาราแผ่นของกลางเป็นทรัพย์ที่คนร้ายไปลักมาแล้วนำไปซ่อน ไว้ การที่จำเลยลงมือเก็บยางพาราแผ่นเตรียมขนไปจึงเป็นการช่วย พาเอาไปเสียซึ่ง ทรัพย์ที่ได้ มา จากการลักทรัพย์จำเลยจึงมีความผิดฐาน รับของโจร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, 357
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 1 ปี สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์ และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้มีคนร้ายลักเอายางพาราแผ่น จำนวน 11 แผ่นราคา 212.50 บาท ของนางเสงี่ยม มิตรเมือง ผู้เสียหายไปจากบริเวณบ้านของนายหมาด หว้าหงาบ ลูกจ้างกรีดยางของผู้เสียหาย ต่อมานายสนั่น มิตรเมือง ผู้ใหญ่บ้านท้องที่ และนายเอ็ม ดินแดงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กับพวกได้ออกติดตามหายางพาราแผ่น ได้พบยางพาราแผ่นของผู้เสียหายจำนวน 11 แผ่น กองตากอยู่ริมถนนสายหนองทะเลในสระ ห่างถนนประมาณ 10 เมตร นายสนั่นและนายเอ็มได้แอบซุ่มคอยดูคนร้ายที่จะมาเอายางพาราแผ่นไป โดยแอบซุ่มห่างกองยางพาราแผ่นประมาณ 15 เมตร ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 นาฬิกา ของวันเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับขี่มาจอดที่ริมถนนใกล้บริเวณกองยางพาราแผ่นดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายมา จำเลยที่ 1 ลงจากรถจักรยานยนต์ แล้วในที่สุดถูกจับกุม ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดฐานรับของโจรยางพาราแผ่นตามฟ้องหรือไม่ในข้อนี้โจทก์มีนายสนั่นและนายเอ็มมาเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 1ลงจากรถจักรยานยนต์แล้วได้เดินตรงไปเก็บยางพาราแผ่นวางซ้อน ๆ กันเพื่อที่จะขนเอาไป เมื่อวางซ้อนกันได้ประมาณ 8-9 แผ่น นายสนั่นและนายเอ็มได้ออกจากที่แอบซุ่ม ตะโกนให้จำเลยที่ 1 หยุด จำเลยที่ 1วิ่งหนี นายสนั่นและนายเอ็มวิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 1 หนีเข้าไปในถ้ำนายสนั่นจึงไปตามเจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมจำเลยที่ 1 พิเคราะห์คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองปากแล้ว เห็นว่า พยานทั้งสองเบิกความสอดคล้องต้องกัน พยานทั้งสองไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1 มาก่อนจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานโจทก์ทั้งสองจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 1 เชื่อว่าพยานทั้งสองเบิกความตามความจริง การที่จำเลยที่ 1 กับพวกนำรถจักรยานยนต์ไปจอดใกล้บริเวณกองยางพาราแผ่นของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายนำไปซ่อนตากไว้ในป่าหญ้าซึ่งมีต้นไม้ขึ้นอยู่ทั่ว ๆ ไป ซึ่งตามธรรมดาคนที่ขับรถสัญจรไปมาไม่น่าจะมองเห็น ประกอบกับจำเลยที่ 1 ลงจากรถจักรยานยนต์แล้วก็เดินตรงไปเก็บยางพาราแผ่นวางซ้อน ๆ กัน เพื่อขนเอาไปทันที และเมื่อนายสนั่นกับนายเอ็มได้ร้องตะโกนให้จำเลยที่ 1 หยุดจำเลยที่ 1 กลับวิ่งหนีไปแอบซ่อนในถ้ำ จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นพิรุธแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 รู้ว่ายางพาราแผ่นดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่คนร้ายไปลักมาแล้วนำไปซ่อนไว้ การที่จำเลยที่ 1 ลงมือเก็บยางพาราแผ่นเตรียมขนไปจึงเป็นการช่วยพาเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานรับของโจร…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.