แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยจ้างโจทก์ทั้งหกให้สอนหนังสือนักเรียนโดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน และจำเลยมีอำนาจออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานรวมทั้งกำหนดวันเวลาสอนหนังสือให้โจทก์ทั้งหกปฏิบัติได้ หากโจทก์ปฏิบัติฝ่าฝืนจำเลยมีอำนาจลงโทษถึงขั้นเลิกจ้างได้ ทั้งการที่จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งหก มิใช่หวังผลสำเร็จของการสอนหนังสือนักเรียนแต่อย่างใดแม้โจทก์ทั้งหกจะมีอิสระในการสอนหนังสือตามวิชาชีพที่ได้เรียนมาแต่ก็จะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่จำเลยวางไว้ ดังนั้นสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้งหกจึงเป็นสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาจ้างทำของ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ครูในโรงเรียนสงเคราะห์ศึกษา จำเลยเป็นนายจ้างของโจทก์ทั้งหก จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้ทำความผิด โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ทั้งหก
จำเลยให้การว่า จำเลยมิใช่นายจ้างของโจทก์ โจทก์ปฏิบัติผิดระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน แล้วโจทก์สมัครใจลาออกเอง จึงไม่มีสิทธิรับเงินใด ๆ ทั้งการเป็นครูสอนหนังสือเป็นการจ้างทำของ ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ทั้งหกตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยจ้างโจทก์ทั้งหกให้สอนหนังสือในโรงเรียนสงเคราะห์ศึกษา โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน มีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานจำเลยมีอำนาจบังคับบัญชาโจทก์และกำหนดเวลาในการทำงาน หากโจทก์ทำผิดระเบียบข้อบังคับอาจถูกลงโทษถึงขั้นเลิกจ้างได้ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจ้างโจทก์ทั้งหกให้สอนหนังสือนักเรียนโดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน และจำเลยมีอำนาจออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานรวมทั้งกำหนดวันเวลาสอนหนังสือให้โจทก์ทั้งหกปฏิบัติได้หากโจทก์ปฏิบัติฝ่าฝืน จำเลยมีอำนาจลงโทษถึงขั้นเลิกจ้างได้ทั้งการที่จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งหกมิใช่หวังผลสำเร็จของการสอนหนังสือนักเรียกแต่อย่างใด แม้โจทก์ทั้งหกจะมีอิสระในการสอนหนังสือตามวิชาชีพที่เรียนมา แต่ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่จำเลยวางไว้ ดังนั้นสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้งหกจึงเป็นสัญญาจ้างแรงงานมิใช่สัญญาจ้างทำของ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้วอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.