แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยโยนผู้เสียหายซึ่งกำลังมึนงงหมดแรงเพราะยาสลบของจำเลยลงในคลอง ซึ่งมีน้ำลึกท่วมศีรษะ พฤติการณ์ดังนี้ส่อเจตนาของจำเลยว่าจะฆ่าผู้เสียหายโดยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายจมน้ำตาย เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายกำลังอยู่ในภาวะมึนงง ไม่มีแรงจะว่ายน้ำได้ อันเป็นวิธีฆ่าที่อาจอำพรางคดีได้แนบเนียนยิ่งวิธีหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๐, ๒๘๙, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพฐานปล้นทรัพย์ ปฏิเสธฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓ จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามมาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ ยกข้อหาอื่น
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๓ จำเลยที่ ๓ มีความผิดตาม มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ และจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐ ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙, ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ โยนนายเฉมซึ่งกำลังมึนงงหมดแรงเพราะยาสลบของจำเลยลงในคลองซึ่งมีน้ำลึกท่วมศีรษะนายเฉม นายเฉมเกาะเสาสะพานและอาศัยฐานเสานั้นยืนศีรษะพ้นน้ำพอดี พฤติการณ์นี้จึงส่อเจตนาของจำเลยที่๑ และจำเลยที่ ๒ ที่จะฆ่านายเฉมโดยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้นายเฉมจมน้ำตายเพราะเข้าใจว่านายเฉมกำลังอยู่ในภาวะมึนงง ไม่มีแรงจะว่ายน้ำได้ อันเป็นวิธีฆ่าที่อาจอำพรางคดีได้แนบเนียนยิ่งวิธีหนึ่ง การที่จำเลยไม่เลือกฆ่าโดยวิธีอื่นจึงมีทางเป็นไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่๑ และที่ ๒ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วยนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน