แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายและจำเลยต่างเสพสุรามึนเมาแล้วเกิดท้าทายวิวาทกัน
จำเลยเตะผู้ตายถูกตรงท้องน้อยขณะที่ผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลยเมื่อผู้ตายเซห่างออกไป จำเลยก็มิได้ตามไปเตะซ้ำครั้นเมื่อผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย จำเลยจึงเตะซ้ำอีก การกระทำเช่นนั้นส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ชัดว่ามิได้ตั้งใจจะฆ่าผู้ตายดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยไม่มีเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้กำลังกายเตะถีบทำร้ายร่างกายนางประยงค์ ชมภู หลายครั้ง ถูกที่บริเวณท้องน้อย โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย ต่อมานางประยงค์ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยทำร้าย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปากแล้วจำเลยกลับให้การรับสารภาพแต่จำเลยไม่มีเจตนาฆ่านางประยงค์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่านางประยงค์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ลดรับแล้วคงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีเรื่องนี้เกิดจากผู้ตายและจำเลยต่างเสพสุรามึนเมาแล้วเกิดท้าทายวิวาทกัน จำเลยเตะผู้ตายขณะที่ผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย เมื่อผู้ตายเซห่างออกไปจำเลยก็มิได้ตามไปเตะซ้ำ ครั้นเมื่อผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย จำเลยจึงเตะซ้ำอีกฉะนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าจำเลยน่าจะมิได้ตั้งใจเตะให้ถูกตรงไหนรูปเรื่องน่าจะเป็นกรณีผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลยจำเลยก็เตะเอาเท่านั้น รูปคดีจึงยังไม่พอจะถือว่าจำเลยน่าจะเล็งเห็นผลแห่งการกระทำดังโจทก์ฎีกาขึ้นมา พิพากษายืน