คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับแก่จำเลยโดยต้องมีประกัน เมื่อผู้ค้ำประกันเข้าทำสัญญาประกันต่อศาลว่า ถ้าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ ผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้ให้ตลอดจนค่าธรรมเนียมศาลด้วย ดังนี้จะถือว่า สัญญาประกันมีผลเฉพาะในชั้นอุทธรณ์เท่านั้นไม่ได้ ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตลอดไปจนกว่าการบังคับคดีจะเสร็จสิ้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2504)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยให้เงินพร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์อนุญาตโดยมีประกัน ผู้ค้ำประกันได้ทำสัญญาประกันต่อศาลว่า ถ้าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชำระหนี้ให้รวมทั้งค่าธรรมเนียมศาลด้วย ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาโดยไม่ได้ขอทุเลาบังคับชั้นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกันเพื่อชำระหนี้จนครบ
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ค้ำประกันวางหลักประกันตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วย่อมหมดความผูกพันตามสัญญา จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาประกันมิได้ระบุว่าจะรับผิดเพียงชั้นอุทธรณ์ จึงกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้บังคับคดีแก่ผู้ค้ำประกันได้ อ้างฎีกาที่ ๑๐๒๐/๒๔๙๘
ผู้ค้ำประกันฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามสัญญาประกันดังกล่าว ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตลอดไปจนกว่าการบังคับคดีจะเสร็จสิ้น ส่วนการที่โจทก์ไม่ได้บังคับคดีแก่จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องผ่อนเวลาแก่ลูกหนี้
พิพากษายืน

Share