คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทเป็นกองมรดกยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทหลายคน ทายาทคนหนึ่งไม่มีสิทธิที่จะเอาไปขายทั้งหมดโดยลำพังได้ ถ้าผู้ซื้อฟ้องศาลขอให้บังคับทายาทผู้นั้นโอนขายที่ดินพิพาททั้งหมดโดยไม่ทราบว่าส่วนของทายาทผู้นั้นมีเนื้อที่เท่าใด ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้ขายให้แก่ผู้ซื้อได้ แต่สัญญาจะซื้อขายนั้นไม่เป็นโมฆะ
พระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชซึ่งทรงให้จัดแบ่งมรดกของเจ้ามรดกให้แก่ทายาทตามส่วน ย่อมใช้บังคับได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ โอนขายที่ดินตามสัญญาให้แก่โจทก์และขอให้จำเลยที่ ๒ ถอนคำร้องขอโฉนดที่ยื่นไว้ต่อเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จริงแต่เป็นการพ้นวิสัยที่จำเลยจะปฏิบัตตามสัญญาได้ เพราะที่ดินพิพาทเป็นมรดกของกรมหลวงชุมพรฯ ตกทอดได้แก่ทายาทรวม ๙ คน ยังมิได้แบ่งปันกัน โจทก์ทราบดีอยู่แล้ว
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยเป็นทายาทของกรมหลวงชุมพรฯ พร้อมด้วยทายาทผู้มีสิทธิได้ร้องขอออกโฉนดที่ดินรายนี้ตามสิทธิที่จะร้องได้ จำเลยที่ ๒ มิได้รู้เห็นหรืออนุญาตให้จำเลยที่ ๑ ขายที่ดินที่พิพาท
นางกิมล้วนร้องสอดว่า มีสิทธิเป็นเจ้าของในที่พิพาทตอนหนึ่งโดยกรมหลวงชุมพรฯ ได้ทรงยกให้บิดาผู้ร้อง ๆ รับมรดกครอบครองมาจนได้สิทธิ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การแก้คำร้องสอดว่า กรมหลวงชุมพรฯ มิได้ยกที่ดินให้แก่บิดาผู้ร้องสอด บิดาผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดเช่าที่ดินที่ผู้ร้องสอดอยู่อาศัย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้ที่ดินผู้ร้องสอดอ้างสิทธิครอบครองตกเป็นของผู้ร้องสอด
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๑ ในจำนวน ๑ ใน ๙ ส่วน และให้ยกคำร้องของผู้ร้องสอด
โจทก์จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นกองมรดกของกรมหลวงชุมพรฯ ยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท ทายาท ๙ องค์จึงเป็นเจ้าของรวมกันอยู่ในที่พิพาท จำเลยที่ ๑ จึงไม่มีสิทธิที่จะเอาไปขายทั้งหมดโดยลำพังได้ และวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ มีส่วนเป็นเจ้าของในที่พิพาทเพียง ๒ ใน ๒๓ ส่วน ตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๗ ลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๗๒ ซึ่งเป็นพระบรมราชโองการในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชใช้บังคับได้ตามกฎหมาย แต่ยังทราบไม่ได้ว่าส่วนของจำเลยมีเนื้อที่เท่าใด สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์กลับจำเลยที่ ๑ ไม่เป็นโมฆะ แต่โจทก์ฟ้องให้โอนขายที่พิพาททั้งหมด เมื่อมีทั้งหมดไม่ใช่ของจำเลยที่ ๑ คนเดียว จึงบังคับให้โอนที่ทั้งแปลงดังโจทก์ขอมาไม่ได้ ในส่วนคำร้องสอดของผู้ร้องสอดนั้น ศาลฎีกาฟังว่า ผู้ร้องสอดได้อยู่ในที่รายนี้โดยอาศัยสิทธิการเช่าการบิดา พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยที่ ๑ ในส่วนอันเป็นของจำเลยที่ ๑ โดยเฉพาะ

Share