แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องและคำให้การประเด็นพิพาทตกหน้าที่โจทก์นำสืบ ก่อนที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ฝ่ายจำเลยนำสืบก่อนนั้นไม่ชอบ แม้จำเลยจะไม่ได้คัดค้านไว้เมื่อศาลกำหนดหน้าที่นำสืบก็ตาม แต่การที่ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายใดชนะคดีโดยถือหน้าที่นำสืบเป็นหลักนั้น ต้องถือหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อหน้าที่นำสืบตกโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายงอน หีบทอง เป็นปู่ของโจทก์และจำเลยที่ 1 และเป็นบิดาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 นายงอนมีที่ดินนาอยู่หนึ่งแปลง เมื่อนายงอนตายที่นาดังกล่าวตกได้แก่ทายาท โจทก์และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันครอบครองที่นาพิพาทเรื่อยมา จนกระทั่ง พ.ศ. 2519 จำเลยทั้งสามไปยื่นเรื่องราวขอออก น.ส.3 ก.สำหรับที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสาม โจทก์ไปคัดค้าน ต่อมาต้นปี พ.ศ. 2523เจ้าพนักงานที่ดินได้เรียกโจทก์จำเลยไปทำการไกล่เกลี่ยแต่ตกลงกันไม่ได้และสั่งให้โจทก์มาฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามแบ่งที่นาพิพาทให้โจทก์ตามสิทธิ
จำเลยทั้งสามให้การว่าที่นาพิพาทนายงอนยกให้บิดาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เมื่อประมาณ 30 ปีก่อนให้การ บิดาจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ต้องแบ่งกันครอบครองเป็นส่วนสัด โจทก์และบิดาโจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้อง ทายาทคนอื่นของนายงอนรวมทั้งบิดาโจทก์ได้รับส่วนแบ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นไปแล้ว และต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะเจ้ามรดกตายเกินหนึ่งปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นได้กะประเด็นข้อพิพาทว่า (1) ที่นาพิพาทเป็นของจำเลยหรือเป็นมรดกของนายงอน (2) ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน พอถึงวันนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่า จำเลยและพยานไม่มาศาล ศาลอนุญาต นัดที่ 2 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการประวิงคดี ไม่อนุญาตให้ถอนตัวและสั่งงดสืบพยานจำเลยและพยานโจทก์แล้วพิพากษาว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้ออ้าง ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสามแบ่งที่นาให้โจทก์หนึ่งในสี่ส่วน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องคำให้การประเด็นพิพาทตกหน้าที่โจทก์นำสืบก่อน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสามเป็นฝ่ายนำสืบก่อนนั้นไม่ชอบ การที่ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายใดชนะคดีโดยถือหน้าที่นำสืบเป็นหลักก็ต้องถือตามหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อตามกฎหมายเป็นหน้าที่ที่โจทก์จะต้องนำสืบก่อนและไม่มีการสืบพยาน ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่ได้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ นับตั้งแต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเป็นต้นไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องขอแบ่งที่นาพิพาทจากจำเลยทั้งสาม อ้างว่าเป็นมรดกของนายงอนปู่ของโจทก์ซึ่งตกได้แก่โจทก์และจำเลยทั้งสามร่วมกัน จำเลยทั้งสามให้การว่า นายงอนยกที่นาพิพาทให้แก่บิดาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ผู้เป็นบุตรก่อนตายจำเลยทั้งสามได้ครอบครองที่นาพิพาทโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาตลอดเป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้ว โจทก์และบิดาโจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องซึ่งเท่ากับจำเลยทั้งสามปฏิเสธว่าที่นาพิพาทไม่ใช่มรดกของนายงอนอันจะตกไปยังทายาทเมื่อปรากฏว่าที่นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน และจำเลยทั้งสามครอบครองอยู่ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 และมาตรา 1372 ว่าจำเลยทั้งสามมีสิทธิครอบครอง เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าที่นาพิพาทเป็นมรดกของนายงอน โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าที่นาพิพาทเป็นมรดกดังโจทก์กล่าวอ้าง ทั้งข้อที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองที่นาพิพาทร่วมกับจำเลย คดีจึงไม่ขาดอายุความนั้น จำเลยทั้งสามก็ให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครอง จำเลยทั้งสามครอบครองมาฝ่ายเดียว ฉะนั้นในข้อที่ว่าโจทก์ได้ครอบครองร่วมกับจำเลยทั้งสามหรือไม่ โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสามมีหน้าที่นำสืบและให้นำพยานเข้าสืบก่อนจึงไม่ชอบ แม้จำเลยทั้งสามมิได้คัดค้านเมื่อศาลกำหนดหน้าที่นำสืบก็ตาม แต่การที่ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายใดชนะคดีโดยถือหน้าที่นำสืบเป็นหลักนั้น ต้องถือหน้าที่นำสืบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อหน้าที่นำสืบตกโจทก์การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
พิพากษายืน