คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยเป็นทายาทรับมรดกร่วมกันได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกและเข้าครอบครองทรัพย์เป็นส่วนสัดกันไปแล้วนั้น การตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกเช่นนี้ชอบด้วยมาตรา 1750 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งใหม่ให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันและได้ปกครองทรัพย์มรดกของบิดามารดาร่วมกันมา โจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งมรดกกันแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมให้ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งนาตามบัญขีท้ายฟ้องอันดับ ๑ ให้แก่โจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ คำขอของโจทก์นอกนั้นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นอกจากให้แบ่งนาแล้ว ให้แบ่งสวนและที่บ้านกับเรือนให้แก่โจทก์ที่ ๒ ถึง ที่ ๕ และจำเลยคนละส่วนด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มีปัญหาชั้นนี้เกี่ยวกับทรัพย์ ๓ อันดับที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งเป็นมรดกด้วยเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ฟังได้เป็นยุติมีว่า บิดาโจทก์จำเลยตายแล้ว โจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ ซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยยังเป็นเด็กและจำเลยเป็นผู้ปกครองเลี้ยงดูมา ครั้นเมื่อโจทก์ทั้งสี่เติบโตขึ้นได้สามีแล้วต่างก็แยกเรือนจากจำเลยไปอยู่ต่างหาก เมื่อโจทก์ทั้งสี่ได้สามีออกเรือนไปหมดแล้ว จำเลยจึงได้แบ่งที่นาออกเป็น ๕ ส่วน ให้ได้แก่โจทก์ทั้งสี่และจำเลยคนละส่วน แบ่งแล้วต่างก็ทำนากันเป็นสัดส่วนตามที่แบ่งนั้น
ข้อเท็จจริงมีอยู่เช่นนี้ กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าโจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๕ กับจำเลยซึ่งเป็นทายาทรับมรดกกองนี้ด้วยกันได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกกองนี้กันเสร็จไปแล้ว โดยต่างเข้าครอบครองทรัพย์เป็นส่วนสัดกันตามที่จำเลยจัดแบ่งปัน คือ เข้าครอบครองนาตั้งแต่เมื่อราว ๆ ๒ ปี ก่อนฟ้องและตลอดมาจนบัดนี้ โดยยินยอมให้ทรัพย์มรดกอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งทรัพย์ ๓ อันดับ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งนั้นด้วยเป็นของจำเลยผู้เดียว เป็นการตอบแทนที่จำเลยได้เลี้ยงดูโจทก์ทั้งสี่มา และให้ความอุปการะเมื่อโจทก์เหล่านี้แต่งงานออกเรือนไปด้วยดี ซึ่งการตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกกันดุจกล่าวนี้ย่อมชอบด้วยมาตรา ๑๗๕๐ วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งใหม่ให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกหาได้ไม่
จึงพิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share