คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6535/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท ที่ผู้ร้องยอมให้รถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองใช้สอยของจำเลยเกิดจากสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อจนมีผลให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนแก่ผู้ร้องโดยพลัน ถ้าไม่ส่งมอบถือว่าครอบครองไว้โดยมิชอบตามสัญญาเช่าซื้อ การที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายและก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยึดรถยนต์พิพาท อีกทั้งผู้ร้องก็ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยชำระหนี้ มิฉะนั้น ผู้ร้องจะดำเนินคดีกับจำเลย แสดงว่า ผู้ร้องมิได้ยินยอมให้จำเลยครอบครองรถยนต์พิพาทนับแต่วันที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน ทั้งผู้ร้องก็เตรียมจะฟ้องจำเลยแล้วจะถือว่ารถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองของจำเลยด้วยความยินยอม อนุญาตของผู้ร้องหาได้ไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่ารถยนต์พิพาท เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 109(3)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองชั่วคราว ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการยึดรถยนต์พิพาทซึ่งเป็นรถตู้ยี่ห้อนิสสันหมายเลขทะเบียน ม-4898 นนทบุรี จากห้างจำเลยที่ 1บริษัทเอส.เอ็ม.ที.ลิสซิ่ง จำกัด ยื่นคำร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ถอนการยึดรถยนต์พิพาทดังกล่าวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งไม่ให้ถอนการยึดผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า รถยนต์พิพาทที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อไปตามสำเนารายการของรถที่จดทะเบียนสำเนาสัญญาเช่าซื้อ และสำเนาหนังสือประกันเอกสารท้ายคำร้อง ขณะยึดจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อกรรมสิทธิ์จึงยังเป็นของผู้ร้องตามสัญญาเช่าซื้อ และถือไม่ได้ว่ารถยนต์พิพาทเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ได้ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า รถยนต์พิพาทดังกล่าว ผู้ร้องให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อไป ผู้ร้องได้มอบความครอบครองและยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์พิพาทไปใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 มาตลอด จนกระทั่งจำเลยที่ 1 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว รถยนต์พิพาทที่ถูกยึดเป็นสิ่งของซึ่งอยู่ในความครอบครองหรืออำนาจสั่งการในทางการค้าของจำเลยที่ 1 ถือเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109(3)ขอให้ยกคำร้อง
เจ้าหนี้เป็นผู้เป็นโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า รถยนต์พิพาทที่ถูกยึดแม้จะเป็นของผู้ร้อง แต่ผู้ร้องได้มอบความครอบครองและยินยอมให้อยู่ในอำนาจสั่งการของจำเลยที่ 1 โดยพฤติการณ์ทำให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของในขณะที่มีการขอให้ล้มละลายขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างพิจารณา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์แถลงรับว่ารถยนต์พิพาทเป็นของผู้ร้องให้จำเลยที่ 1เช่าซื้อไปและอยู่ในครอบครอง หรืออำนาจสั่งการของจำเลยที่ 1นับแต่มีการขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไป และระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องได้อ้างส่งหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยที่ 1ชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยอมให้จำเลยทั้งสองครอบครองและใช้สอยรถยนต์พิพาท โดยพฤติการณ์ทำให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท ถือเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายซึ่งอาจนำมาแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 109(3) ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่ารถยนต์พิพาทจะถือเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้หรือไม่ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 109(3) ทรัพย์สินที่ให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ว่าเป็นสิ่งของในครอบครองหรืออำนาจสั่งการหรือสั่งจำหน่ายของลูกหนี้ในทางการค้าหรือธุรกิจของลูกหนี้ด้วยความยินยอมของเจ้าของแท้จริงโดยพฤติการณ์ซึ่งทำให้เห็นว่าลูกหนี้เป็นเจ้าของในขณะที่มีการขอให้ลูกหนี้นั้นล้มละลาย คดีนี้ผู้ร้องเป็นเจ้าของแท้จริงซึ่งรถยนต์พิพาท ที่ผู้ร้องยอมให้รถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองใช้สอยของจำเลยที่ 1 นั้นเกิดจากสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 13 ประจำเดือนสิงหาคม 2528 มีผลให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันทันทีโดยมิต้องบอกกล่าว และจำเลยที่ 1มีหน้าที่ส่งมอบรถยนต์พิพาทที่เช่าซื้อคืนแก่ผู้ร้องโดยพลันในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้วโดยเรียบร้อย โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 1 เอง ถ้าไม่ส่งมอบคืนก็ให้ถือว่าครอบครองไว้โดยมิชอบตามความในข้อ 8 แห่งสัญญาเช่าซื้อ การที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันก่อนมีการขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย ทั้งก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ชั่วคราว และก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยึดรถยนต์พิพาท ผู้ร้องได้มีหนังสือลงวันที่ 10 ตุลาคม 2528 แจ้งเตือนให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ โดยกำหนดให้จำเลยที่ 1 ไปติดต่อชำระค่าเสียหายและส่งมอบรถยนต์พิพาทที่เช่าซื้อในสภาพที่เรียบร้อยใช้การได้ดีด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 1 เอง ให้แก่ผู้ร้องภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ที่ลงในหนังสือเป็นต้นไป หากพ้นกำหนดดังกล่าวจำเลยที่ 1ยังมิได้จัดการให้เป็นที่เรียบร้อย ผู้ร้องจำเป็นต้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ดังนี้ แสดงว่าผู้ร้องมิได้ยินยอมให้จำเลยที่ 1ครอบครองรถยนต์พิพาทนั้น นับแต่วันที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันและผู้ร้องก็เตรียมจะฟ้องร้องจำเลยที่ 1 แล้ว จะถือว่ารถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 1 ด้วยความยินยอมอนุญาตของผู้ร้องหาได้ไม่ พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวมายังถือไม่ได้ว่ารถยนต์พิพาทเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109(3)ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทคืนผู้ร้อง

Share