คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5657/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ช.ฟ้องจำเลยว่าสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างรุกล้ำ ลำราง สาธารณประโยชน์ระหว่างที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ดังนี้ มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำ ลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งจำเลยได้ให้ทนายความ มีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอทันทีที่ทราบคำสั่งถือได้ว่าจำเลย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควรจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่เป็นลำรางสาธารณะที่ตื้นเขินและเป็นทาง สาธารณประโยชน์เพื่อยึดถือครอบครองเอาเป็นประโยชน์ของตนโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวโดยไม่ยอมรื้อรั้วที่ จำเลยกั้นออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๓๖๘ และให้จำเลย ผู้แทน และบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิ จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๓,๐๐๐ บาท ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๘ ปรับ ๓๐๐ บาท เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก ๖ เดือน ปรับ ๓,๓๐๐ บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จำเลย ผู้แทนและบริวารออกจากที่ดินส่วนที่รุกล้ำ รอการลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ เป็นเวลา ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทำรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้าไปในลำรางสาธารณประโยชน์อันเป็นการเข้าไปยึดถือและครอบครองลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ต่อมานายใช่อู๋ พยานโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสร้างรั้วรุกล้ำสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ทำให้ปิดกั้นทางเดิน และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยให้การว่าไม่ได้รุกล้ำลำรางสาธารณะ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างนั้นรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ ระหว่างที่คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอกระทุ่มแบนมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว จำเลยไม่ปฏิบัติตาม แต่ได้ให้ทนายความมีหนังสือชี้แจงต่อนายอำเภอ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีมีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งเมื่อได้ทราบคำสั่งของนายอำเภอแล้ว จำเลยก็มิได้นิ่งเฉย แต่ได้ให้ทนายความมีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอมีทันที จึงถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควร จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share