แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย โดยมิได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดยใช้ปืนยิง ดังนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,340, 340 ตรี จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 340 วรรคสี่ วางโทษประกอบมาตรา 53 แล้วให้จำคุก 33 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 22 ปี 2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกอีก 2 คน พยายามปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้อง แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ประกอบด้วยมาตรา 80 มานั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้อาวุธปืนขู่เข็ญ จ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย มิได้บรรยายว่าได้กระทำโดยใช้ปืนยิง ดังนั้น แม้จะได้ความจากทางพิจารณาว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, ประกอบด้วยมาตรา 80 เท่านั้น ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่, ประกอบด้วยมาตรา 80 ตามที่พิจารณาได้ความได้”
พิพากษาแก้เป็น จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 วรรคสอง, ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 12 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 8 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์