คำสั่งคำร้องที่ 1008/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 3 ล้วนแล้วแต่เป็นฎีกาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกาว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2526 มาตรา 4,7,8,15,67,102 จำคุก 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 88)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของจำเลยข้อ 3 ที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของทางราชการไม่น่าเชื่อว่าลงชื่อในบันทึกจับกุมอันเป็นกระดาษเปล่าความจริงจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยลงชื่อในบันทึกจับกุมมีข้อความอยู่แล้วแต่ไม่ได้อ่าน ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่าแม้ฎีกาข้อดังกล่าวของจำเลยจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ข้อกฎหมายดังกล่าวหามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลแต่อย่างใด จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยส่วนฎีกาเรื่องอื่น ๆ ในข้อ 3 ของจำเลยดังกล่าว เป็นฎีกาดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share