แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกประเด็นซึ่งจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ว่าโจทก์มิได้มีพยานรู้เห็นการปิดประกาศกำหนดเขตควบคุมแปรรูปไม้มาสืบแสดงให้ศาลเห็นคงมีแต่พยานบอกเล่า และที่ศาลอุทธรณ์รับฟังว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในเรื่องจำเลยได้วิ่งหนีก่อนหรือหลังพวกจำเลย เป็นเรื่องรายละเอียดที่ไม่ใช่สาระสำคัญกับประเด็นที่จำเลยฎีกาว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนเพราะถูกขังกับขู่เข็ญรับฟังเป็นพยานได้เพียงใดนั้นทั้งหมดล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 72)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7,11,48,69,73 ฐานทำไม้ จำคุก 2 ปีฐานแปรรูปไม้ จำคุก 2 ปี ฐานมีไม้ยังมิได้แปรรูป จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 71)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 72)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำเลย แต่ละกระทงจำคุก 1 ปี 4 เดือนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นการปิดประกาศกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้มาสืบให้ศาลเห็น พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันรับฟังไม่ได้ และพยานจำเลยสอดคล้องต้องกันมีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง นั้น ล้วนแต่เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทั้งสิ้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง