คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในคดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าวันที่ลงในเช็คซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คนั้นจำเลยไม่มีเงินในบัญชีธนาคารพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คด้วยเพราะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้การกระทำเกิดขึ้นสำเร็จอันเป็นสาระสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดมิฉะนั้นแล้วคดีโจทก์จะไม่มีมูล.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพิพากษาว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำของจำเลยที่อ้างว่าเป็นความผิดก็คือ จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (1) และข้อความในวรรคท้ายของมาตราดังกล่าวที่บัญญัติว่า “ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น มีความผิด…ฯลฯ…” เป็นองค์ประกอบที่ทำให้การกระทำผิดเกิดขึ้นสำเร็จ จะขาดองค์ประกอบข้อใดข้อหนึ่งมิได้ และตามอนุมาตรา 1 ที่บัญญัติว่า “ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น”โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความว่าในวันที่ออกเช็คจำเลยไม่มีเงินในบัญชีธนาคารพอจ่ายตามเช็คด้วย คดีนี้เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าในวันที่ 19 มีนาคม 2526 ซึ่งเป็นวันที่ลงในเช็คอันถือว่าเป็นวันออกเช็ค จำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายตามเช็คได้หรือไม่โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 14 กันยายน2526 เท่านั้น ข้อนำสืบของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดตามฟ้องแม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นด้วย เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏคดีโจทก์ก็ไม่มีมูล
พิพากษายืน.

Share