คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงเพราะจำเลยที่2ได้ใช้มีดขู่จะทำร้ายและได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียวส่วนจำเลยที่1ได้ใช้ปืนขู่บังคับผู้เสียหายด้วยดังนี้จำเลยทั้งสองก็ยังคงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้อาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา276วรรคสอง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้งสอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 จำคุก คนละ 2 ปี ตาม มาตรา 276, 278 ลงโทษตาม มาตรา 276 ซึ่ง เป็น บทหนัก จำคุก คนละ 15 ปี ตาม มาตรา 310จำคุก คนละ 1 ปี รวม จำคุก คนละ 18 ปี คำให้การ ของ จำเลย ทั้งสองชั้น สอบสวน และ ชั้น พิจารณา ของ ศาล มี ประโยชน์ แก่ การ พิจารณาลดโทษ ให้ 1 ใน 3 คง จำคุก คนละ 12 ปี ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยทั้งสอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ‘จำเลย ทั้งสอง ฎีกา ว่า ผู้เสียหายไป กับ จำเลย ทั้งสอง โดย เต็มใจ และ จำเลย ทั้งสอง มิได้ หน่วงเหน่ยวกักขัง ผู้เสียหาย นั้น เป็น การ ฎีกา โต้แย้ง ใน ปัญหา ข้อเท็จจริงตาม ข้อหา ฐาน พราก ผู้เยาว์ และ ข้อหา ฐาน หน่วงเหนี่ยว กักขังผู้เสียหาย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 และ 310 ซึ่ง ทั้งสองข้อหา นี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ตาม ศาลชั้นต้น ให้ ลงโทษ จำคุกจำเลย ทั้งสอง ไม่เกิน ห้า ปี จำเลย จึง ต้องห้าม มิให้ ฎีกา ตามมาตรา 218 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลฎีกา จึงไม่ อาจ รับ วินิจฉัย ให้ ได้ คดี จึง มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตามฎีกา ของ จำเลย ทั้งสอง เพียง ว่า จำเลย ทั้งสอง ได้ ร่วมกัน ข่มขืนกระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย หรือไม่’ฯลฯ
‘จำเลย ที่ 2 รับ ว่า ใน คืน เกิด เหตุ ได้ ร่วม ประเวณี กับผู้เสียหาย โดย สมัครใจ ที่ บ้าน นายพล ส่วน จำเลย ที่ 1 ปฏิเสธ ว่าไม่ ได้ ร่วม ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย เพียงแต่ ช่วย จำเลย ที่2 พา ตัว ผู้เสียหาย ไป เท่านั้น ฝ่าย ผู้เสียหาย อ้างว่า จำเลย ทั้งสองข่มขืน กระทำ ชำเรา ตน ที่ ดงอ้อย ข้างบ้าน ผู้เสียหาย โดย จำเลย ใช้มีด และ ปืน ขู่ บังคับ ผู้เสียหาย ศาลฎีกา ได้ พิเคราะห์ พยาน หลักฐานของ โจทก์ แล้ว เห็นว่า นอกจาก โจทก์ จะ มี ตัว ผู้เสียหาย เบิกความยืนยัน ว่า จำเลย ทั้งสอง พา ผู้เสียหาย ไป ที่ ดงอ้อย ข้างบ้าน แล้วจำเลย ขู่ จะ ฆ่า ผู้เสียหาย โดย จำเลย ที่ 1 มี ปืน และ จำเลย ที่ 2มี มีด จำเลย ทั้งสอง ได้ ผลัดกัน ชำเรา ผู้เสียหาย แล้ว โจทก์ ยัง มีบันทึก การ ตรวจ สถานที่ เกิด เหตุ (เอกสาร หมาย จ.2) ที่ ร้อยตำรวจเอกพิชัย ทำขึ้น มา แสดง ว่า ที่ ดงอ้อย ตรง ที่ ผู้เสียหาย อ้างว่า ถูกข่มขืน กระทำ ชำเรา มี ร่องรอย การ ต่อสู้ ขัดขวาง มี ต้นอ้อย หัก ล้มหลายต้น พื้นดิน มี รอย กระจุย กระจาย ของ ใบอ้อย ซึ่ง ปกคลุม ดิน อยู่เอกสาร หมาย จ.2 นี้ จึง สนับสนุน คำ ของ ผู้เสียหาย ใน ข้อนี้ ให้น่าเชื่อ ว่า ผู้เสียหาย ถูก ข่มขืน กระทำ ชำเรา ที่ ดงอ้อย ประกอบกับ นาย ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ก็ เบิกความ ว่า ใน วัน รุ่งขึ้นจาก วัน เกิดเหตุ พยาน ได้ ตรวจดู ตัว ผู้เสียหาย พบ ว่า ที่ มือผู้เสียหาย บริเวณ ฝ่ามือ มี แผล ข้างละ แผล ที่ คอ มี รอยเล็บ ข้าง ละ2 รอย บริเวณ ขาอ่อน ทั้งสอง ข้าง มี รอย เขียวช้ำ เหมือน ถูก ทุบและ นาย สาย พี่ชาย ของ ผู้เสียหาย ก็ เบิกความ สนับสนุน คำ ของนาย ตำแหน่ง ใน ข้อนี้ ด้วย ว่า ใน วัน เกิด เหตุ พยาน ดู ที่ ฝ่ามือของ ผู้เสียหาย ทั้งสอง ข้าง ปรากฏ ว่า มี รอย มีด บาด เป็น รอย ใหม่ คำ ของ นาย ตำแหน่ง และ นาย สาย จึง สนับสนุน คำ ของ ผู้เสียหายให้ ฟัง ได้ ว่า จำเลย คนใด คนหนึ่ง ได้ ใช้ มีด ขู่ จะ ทำร้ายผู้เสียหาย และ ผู้เสียหาย คง ขัดขืน ต่อสู้ จน มีด บาด มือใน เรื่องนี้ จำเลย ที่ 2 ได้ ให้การ รับ ไว้ ใน ชั้น สอบสวน ตามเอกสาร หมาย จ.5 ว่า ได้ พา ผู้เสียหาย ไป ใน ดงอ้อย จำเลย ที่ 2 ได้ดึง มีด ออก จาก กระเป๋า กางเกง ผู้เสียหาย แย่งมีด แต่ ไม่ได้ มีดไปและ รับว่า ปลอกมีด ที่ ตก อยู่ ใน ที่ เกิดเหตุ เป็น ของ ตน จำเลย ที่2 ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ ใช้ กำลัง ปลุกปล้ำ ผู้เสียหาย จน สำเร็จ ความใคร่2 ครั้ง ทำให้ การ ชั้น สอบสวน นี้ จำเลย ที่ 2 ไม่ ได้ ปฏิเสธ ว่าไม่ เป็น ความ จริง หรือ ให้การ โดย ไม่ สมัครใจ แต่ อย่างใด ไม่จึง เจือสม คำพยาน โจทก์ เชื่อ ได้ ว่า จำเลย ที่ 2 ได้ ใช้ มีด ขู่จะ ทำร้าย ผู้เสียหาย จริง ที่ จำเลย ที่ 2 กระทำ ชำเรา ผู้เสียหายนั้น จึง หา ใช่ เป็น เรื่อง ผู้เสียหาย ยินยอม ไม่ แม้ ใน ตอนแรกผู้เสียหาย จะ สมัครใจ ไป กับ จำเลย ที่ 2 เพราะ ชอบพอ กัน ทาง ชู้สาวดัง ที่ จำเลย กล่าวอ้าง แต่ ผู้เสียหาย คง ไม่ ยินยอม ให้ จำเลย ที่2 ร่วม ประเวณี ใน ที่ เกิดเหตุ ต่อหน้า จำเลย ที่ 1 เป็นแน่ สำหรับจำเลย ที่ 1 ที่ ผู้เสียหาย ว่า ได้ ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหายด้วย โดย จำเลย ที่ 1 ชำเรา ก่อน นั้น เห็นว่า คำ ของ ผู้เสียหาย มีข้อ น่าสงสัย อยู่ ประการ แรก ที่ ผู้เสียหาย เบิกความ ว่า ขณะ ชำเราผู้เสียหาย จำเลย ที่ 1 ถือ ปืน อยู่ ใน มือ ข้างหนึ่ง นั้น ไม่น่าเชื่อ ว่า จำเลย ที่ 1 จะ ชำเรา ผู้เสียหาย ใน ลักษณะ เช่นนั้นและ หาก ผู้เสียหาย สมัครใจ ไป กับ จำเลย ที่ 2 เพราะ ชอบพอ กัน ในทาง ชู้สาว ก็ ไม่ น่าเชื่อ ว่า จำเลย ที่ 2 จะ ยอม ให้ จำเลย ที่ 1ชำเรา ผู้เสียหาย ต่อหน้า ตน ได้ แต่ อย่างไร ก็ ดี รูปคดี น่าเชื่อว่า จำเลย ที่ 1 ได้ มี ส่วน ช่วยเหลือ ให้ จำเลย ที่ 2 ข่มขืนกระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย ด้วย จำเลย ที่ 1 เบิกความ รับ ว่า ใน คืนเกิดเหตุ จำเลย ที่ 1 เอา ปืน ไป ด้วย และ รับ ว่า กระสุน ปืน หาย ไป1 นัด กระสุนปืน ที่ เก็บ ได้ ใน ที่ เกิดเหตุ จึง เชื่อ ได้ ว่าเป็น ของ จำเลย ที่ 1 นั่นเอง คำเบิกความ ของ ผู้เสียหาย ที่ว่า จำเลยที่ 1 มี ปืน และ จำเลย ที่ 1 ได้ ขู่ บังคับ ผู้เสียหาย ด้วยจึง รับ ฟัง ได้ ว่า เป็น ความจริง แม้ จำเลย ทั้งสอง จะ ไม่ ได้ร่วมกัน ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย อัน มี ลักษณะ เป็น การ โทรมหญิง ดัง ที่ ศาลล่าง ทั้งสอง วินิจฉัย มา แต่ ใน การ ที่ จำเลย ที่ 2ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย นั้น จำเลย ที่ 1 ได้ ใช้ ปืน ขู่ บังคับผู้เสียหาย ด้วย จำเลย ทั้งสอง ก็ ยัง คง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง อยู่ นั่นเอง ฎีกา ของ จำเลยทั้งสอง ใน ข้อนี้ ฟัง ไม่ ขึ้น’
พิพากษายืน

Share