คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาออกเงินซื้อที่ดินมีโฉนดให้แก่บุตร 2 คนแต่ลงชื่อบุตรในโฉนดเพียงคนเดียวและให้บุตรผู้มีชื่อในโฉนดครอบครองที่ดินนั้นแทนบุตรอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้เยาว์ด้วย
บุตรผู้เยาว์นั้นได้กรรมสิทธิมีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินแปลงนั้นด้วยไม่จำต้องมีการจดทะเบียนการให้ก็เป็นการสมบูรณ์

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่าขุนอภิสิตสุระทัณฑ์บิดาโจทก์จำเลยได้ออกเงินซื้อที่ดินแต่ลงชื่อจำเลยกับนางสังหารในโฉนด ในฐานะเป็นผู้ซื้อแทน แล้วขุนอภิสิตฯ ได้ทำหนังสือยกที่ดินและบ้านให้โจทก์ 5 ส่วน ให้จำเลย 7 ส่วน แต่โจทก์ยังเยาว์อยู่จึงมอบให้จำเลยรักษาส่วนของโจทก์ไว้แทน บัดนี้จำเลยไม่ยอมแบ่งที่ดินบ้านเรือนให้ขอให้บังคับ ถ้าไม่สามารถแบ่งได้ก็ให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากขุนอภิสิตฯ จะได้ยกทรัพย์พิพาทให้โจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเสียภายใน 1 ปีนับจากวันบรรลุนิติภาวะ ความจริงที่ดินจำเลยซื้อเอง

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 สมยอมกันทำสัญญายอมความขายที่ดินและบ้านรายพิพาท ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนั้น และทำลายสัญญายอมความกับคำพิพากษาตามยอมเสีย

จำเลยที่ 1 คงต่อสู้ทำนองเดียวกับคดีแรก จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้รับโอนทรัพย์รายพิพาท ธนาคารออมสินเป็นผู้ซื้อและรับโอนไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน

ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเพราะการที่ขุนอภิสิตฯ ให้ที่พิพาทไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และคดีขาดอายุความแล้วส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับโอนทรัพย์รายพิพาท ธนาคารออมสินเป็นผู้ซื้อและรับโอนพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ดินรายพิพาทนั้นขุนอภิสิตฯ ยกให้โจทก์และจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ครอบครองแทนโจทก์ตั้งแต่โจทก์ยังเยาว์ตลอดมาแล้วโจทก์ก็เข้าครอบครองต่อมา แม้การยกให้จะไม่สมบูรณ์โจทก์ก็ได้รับกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองมากว่า 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัว ทรัพย์พิพาทเป็นของธนาคารออมสินแล้วจึงเอามาแบ่งให้โจทก์ไม่ได้ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 6,250 บาท คำขอนอกนั้นให้ยกเสีย ตามศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่าขุนอภิสิตฯ ได้ออกเงินซื้อทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 แม้โฉนดจะลงชื่อจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวโจทก์ก็ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วย จำเลยครอบครองแทนส่วนของโจทก์ด้วยการที่โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 โอนขายทรัพย์ให้แก่ธนาคารออมสินแล้วมิได้ฟ้องภายใน 1 ปีก็หาขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 240 ไม่ เพราะมิใช่เรื่องระหว่างเจ้าหนี้ลูกหนี้ ฟ้องขอให้เพิกถอนกลฉ้อฉล เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องเป็นส่วนตัว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share