คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20313/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ได้ความว่าจำเลยทั้งหกมิใช่บุตรของโจทก์ ตราบใดที่แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรยังระบุว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกย่อมเกิดการกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ เพราะจำเลยทั้งหกอาจนำเอกสารดังกล่าวไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานดำเนินการในกิจการต่าง ๆ อันอาจทำให้สิทธิประโยชน์หรือหน้าที่ของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นเจ้าของประวัติที่ปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรไม่ดำเนินการให้นายทะเบียนแก้ไขรายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 14 เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยทั้งหกไม่ให้ใช้ชื่อโจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งหกอ้างหรือใช้ชื่อโจทก์เป็นมารดาและให้จำเลยทั้งหกแก้ไขข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร เปลี่ยนชื่อมารดาจากชื่อโจทก์เป็นชื่อนางหมุยเง็ก มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งหก
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่มาศาลในวันสืบพยานและแถลงรับว่าตนเป็นบุตรของนายกัญจนกับนางหมุยเง็ก
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า จำเลยทั้งหกเป็นบุตรของนายกัญจนกับนางหมุยเง็กหรือยี่เง็กหลังจากนางหมุยเง็กถึงแก่ความตาย นายกัญจนจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ในวันที่ 10กุมภาพันธ์ 2499 พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขรายการชื่อมารดาลงในทะเบียนประวัติราษฎรว่าโจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหก นายกัญจนถึงแก่ความตายในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 โจทก์ขอให้นายทะเบียนแก้ไขรายการข้อมูลในทะเบียนประวัติราษฎรเรื่องชื่อมารดาและสัญชาติมารดาของจำเลยทั้งหก แต่นายทะเบียนปฏิเสธ โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยทั้งหกแก้ไข แต่จำเลยทั้งหกเพิกเฉย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งหกตามฟ้องเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ได้ความว่าจำเลยทั้งหกมิใช่บุตรของโจทก์ ตราบใดที่แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรยังระบุว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกย่อมเกิดการกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ เพราะจำเลยทั้งหกอาจนำเอกสารดังกล่าวไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานดำเนินการในกิจการต่าง ๆ อันอาจทำให้สิทธิประโยชน์หรือหน้าที่ของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นเจ้าของประวัติที่ปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรไม่ดำเนินการให้นายทะเบียนแก้ไขรายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรดังกล่าวให้ถูกต้องตามความเป็นจริงตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 14 ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง และเมื่อข้อเท็จจริงยุติตามฟ้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวน เห็นว่าเมื่อจำเลยทั้งหกให้การยอมรับตามคำฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยทั้งหกเป็นบุตรของนายกัญจนกับนางหมุยเง็กหรือยี่เง็ก มิใช่บุตรของโจทก์ตามที่ระบุไว้ในรายการทะเบียนประวัติราษฎร โจทก์จึงมีสิทธิห้ามจำเลยทั้งหกไม่ให้ใช้ชื่อโจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกในรายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ห้ามจำเลยทั้งหกใช้ชื่อโจทก์เป็นมารดาโดยให้จำเลยทั้งหกไปดำเนินการแจ้งต่อนายทะเบียนเพื่อแก้ไขรายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร เปลี่ยนชื่อมารดาจากชื่อโจทก์เป็นนางหมุยเง็กหรือยี่เง็ก แซ่จู หากจำเลยทั้งหกไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งหก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share