แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชวนออกเงินเข้าหุ้นคนละเท่าๆ กันไปไถ่ถอนที่ดินพิพาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องและไม่ปรากฏว่าข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์เป็นอย่างอื่น ก็ต้องถือว่าโจทก์ออกเงินไปโดยประสงค์จะเป็นเจ้าของที่พิพาทตามส่วน โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับจำเลย การที่โจทก์จะได้เป็นทายาทของบิดามารดาจำเลยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชวนเข้าหุ้นคนละ 200 บาท ไถ่ที่ดินของจำเลยซึ่งขายฝากไว้กับนางหุ่น โดยจำเลยยอมแบ่งที่ดินให้คนละส่วนเท่า ๆ กัน แล้วจำเลยทั้ง 2 สมคบกันฉ้อโกงโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าเป็นพี่น้องกันขอแบ่งมรดก แล้วทำยอมแบ่งกันคนละครึ่งตามสำนวนคดีแดงที่ 129/99ไม่ยอมแบ่งให้โจทก์ จึงขอให้บังคับแบ่งให้โจทก์
จำเลยที่ 1 ไม่ต่อสู้คดี ย่อมแบ่งให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า เป็นผู้ไถ่ที่ดินนี้กับจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่เกี่ยว โจทก์มาขออาศัยอยู่ในที่พิพาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 แบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 2919 ให้แก่โจทก์ 1 ใน 3 ส่วน การแบ่งถ้าไม่ตกลงกัน ให้เอาที่ดินออกประมูลหรือขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าไรแบ่งกันตามส่วน ฯลฯ
นางอ้น จำเลยที่ 2 คนเดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การที่โจทก์ช่วยออกเงิน 200 บาท ไถ่ถอนที่พิพาทนั้นโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะเอากรรมสิทธิ์ในที่ดินและไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นทายาทของบิดามารดาจำเลย ซึ่งจะมีส่วนรับมรดกที่พิพาทร่วม ทั้งที่พิพาทไม่มีชื่อโจทก์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมและโจทก์มิได้ครอบครองที่พิพาทโดยเจตนาเป็นเจ้าของ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ชักชวนโจทก์และจำเลยที่ 2 ให้ออกเงินคนละเท่า ๆ กันไปไถ่ที่ดินคืนมานี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์เป็นอย่างอื่นก็ต้องถือว่า โจทก์ออกเงินไปโดยประสงค์จะเป็นเจ้าของที่ดินตามส่วน โจทก์จึงเป็นเจ้าของร่วมในที่พิพาทด้วย 1 ใน 3 การที่โจทก์จะได้เป็นทายาทของบิดามารดาจำเลยทั้ง 2 หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฯลฯ