คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อายุความที่ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนั้น ผู้ที่จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่เฉพาะทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกด้วยเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นน้องของเจ้ามรดก ถูกโจทก์ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกตัดมิให้จำเลยรับมรดกเสียแล้ว จำเลยจึงย่อมยกอายุความมรดกดังกล่าวขึ้นต่อสู้กับโจทก์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายประสิทธิ์หรือคาย คำกรฤาชา เป็นบิดาโจทก์และตายมา 3 ปี มีมรดกได้แก่โจทก์ คือ ที่นา ที่บ้าน เรือนและกระบือกับมีโคของเด็กชายเวียง โจทก์ 1 ตัว ซึ่งศาลสั่งยึดไว้และมอบให้จำเลยรักษา จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และคืนกระบือกับขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่มารดาโจทก์ทำแบ่งทรัพย์ให้จำเลยด้วย

จำเลยให้การว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสามเป็นบุตรนายประสิทธิ์หรือคายอันมีที่นา 1 แปลง ที่บ้าน 1 แปลง เรือน 1 หลัง โคผู้ 1 ตัวเป็นของเด็กชายเวียงโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าว

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 นั้น ผู้ที่จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่เฉพาะทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกด้วยเท่านั้น แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นน้องชายของนายประสิทธิ์เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1629 ในลำดับ 3 ถูกโจทก์ซึ่งเป็นบุตรนายประสิทธิ์อันเป็นทายาทลำดับ 1 ตัดมิให้จำเลยได้รับมรดกของนายประสิทธิ์เสียแล้วจำเลยจึงยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share