แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม18 เดือน โดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีซึ่งไม่มีสิทธิ จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้น และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรีที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเอง โจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้เมื่อศาลนัดพร้อม และคู่ความไม่สืบพยาน แต่ตามคำแถลงการณ์ของโจทก์ก่อนศาลพิพากษาคดีโจทก์กล่าวถึงหนังสือของทนายโจทก์ดังที่จำเลยกล่าวอ้างด้วย ดังนี้ เป็นการรับข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว และโจทก์จะอ้างว่าตามหนังสือดังกล่าวนี้ โจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ค่าเช่า 14 เดือนที่ฟ้อง) จากจำเลย หาได้ไม่ เพราะไม่อาจถือได้ว่ามีข้อความตั้งข้อแม้ไว้เช่นนั้นและถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อนๆ นั้นจากจำเลยอีก โดยจะเรียกเอาจากนางเยี่ยมศรีแทน เมื่อปรากฏตามหนังสือดังกล่าวว่าโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องเอากับจำเลยโดยจะเรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเองแล้วโจทก์จะอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่านั้นแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แล้วจะกลับมารื้อฟื้นเรียกร้องเอาจากจำเลยอีกย่อมไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าโกดังของโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2501 ถึง พฤษภาคม 2502 รวม 14 เดือนโดยจำเลยกลับไปชำระให้นางเยี่ยมศรีผู้ซึ่งไม่มีสิทธิ โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระแก่โจทก์จำเลยกลับเกี่ยงให้ไปเรียกร้องเอาจากนางเยี่ยมศรี ขอให้บังคับให้จำเลยชำระค่าเช่า
จำเลยให้การว่าไม่ได้ผิดสัญญา จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้นางเยี่ยมศรีโดยเชื่อว่านางเยี่ยมศรีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โกดังต่อจากโจทก์ตามสัญญาขายฝากที่นางเยี่ยมศรีแสดงขอรับค่าเช่าจากจำเลย จำเลยได้รับหนังสือจากทนายโจทก์แจ้งให้ชำระค่าเช่าแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้นไป และห้ามจำเลยชำระแก่นางเยี่ยมศรี ที่ชำระไปแล้วโจทก์จะเรียกจากนางเยี่ยมศรีเองจำเลยจึงแจ้งแก่นางเยี่ยมศรี นางเยี่ยมศรีก็ตอบให้ส่งค่าเช่าแก่เขา จำเลยจึงแจ้งแก่โจทก์และขอให้ดำเนินการทางศาลต่อมาศาลสั่งให้จำเลยวางเงินค่าเช่าต่อศาล จำเลยก็นำไปวางศาลตลอดมา โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดี
จำเลยขอให้เรียกนางเยี่ยมศรีเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
นางเยี่ยมศรีจำเลยร่วมให้การว่า ที่ดินพร้อมด้วยโกดังตามฟ้องจำเลยร่วมซื้อฝากไว้จากนายชิน โดยเสียค่าตอบแทนและสุจริตซึ่งโจทก์ได้ฟ้องนายชินและจำเลยร่วมต่อศาลตามคดีแดงที่ 1497/2502 ขอไถ่ถอนและจำเลยร่วมได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นนัดพร้อม คู่ความแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลในบางข้อ แล้วไม่ขอสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การให้เช่าทรัพย์สินไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เสมอไป เมื่อจำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์ก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่านั้นคือ ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ เมื่อจำเลยชำระค่าเช่าแก่จำเลยร่วมโดยไม่สอบถามโจทก์ก่อน จึงเป็นความประมาทเลินเล่อ ส่วนที่จำเลยให้การว่าหลังจากจำเลยชำระค่าเช่าแก่จำเลยร่วมแล้วจำเลยได้รับหนังสือจากโจทก์ดังกล่าวแล้วนั้น ข้อนี้โจทก์หาได้รับข้อเท็จจริงนี้ไม่ จึงพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องและให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยร่วมเสีย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ฎีกา
1. ศาลฎีกาเห็นว่า
ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามหนังสือของทนายโจทก์ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2502 นั้นโจทก์เสนอให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จะไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนนั้น (ที่จำเลยชำระให้แก่จำเลยร่วม และโจทก์มาฟ้องเรียกร้องในคดีนี้) โจทก์จะไม่เรียกร้องจากจำเลย แต่จะเรียกจากจำเลยร่วม เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ กลับนำไปวางศาล จึงต้องถือว่าข้อเสนอดังกล่าวถูกจำเลยบอกปัดและตกไป ค่าเช่าก่อนที่จำเลยนำมาวางศาลนั้น จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่าปรากฏจากคำให้การของจำเลยและคำแถลงการณ์ปิดคดีของโจทก์เอง (ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา) ความว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2502 จำเลยได้รับหนังสือจากทนายของโจทก์ แจ้งให้จำเลยชำระค่าเช่าโกดังแก่โจทก์แต่เดือนมิถุนายน 2502 เป็นต้นไป และห้ามชำระแก่นางเยี่ยมศรีจำเลยร่วม ส่วนที่ชำระไปแล้วก่อน ๆ นั้น โจทก์จะได้เรียกคืนจากนางเยี่ยมศรีเอง ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ตั้งข้อแม้ไว้ว่าให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 ให้โจทก์ แล้วโจทก์จึงจะไม่เรียกร้องค่าเช่าที่จำเลยชำระให้จำเลยร่วมไปแล้วจากจำเลยการแสดงเจตนาว่าโจทก์สละสิทธิ์ไม่เรียกร้องค่าเช่าเดือนก่อน ๆจากจำเลยอีก กับข้อที่โจทก์กำหนดให้จำเลยชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2502 แก่โจทก์นั้น หาได้มีข้อความที่แสดงว่าต้องอาศัยซึ่งกันและกันไม่ ส่วนข้อที่จำเลยมิได้นำค่าเช่าชำระแก่โจทก์ตามที่ทนายโจทก์แจ้งไปนั้น ก็ได้ความว่าจำเลยนำไปวางศาลตามคำสั่งศาลในคดีที่โจทก์กับจำเลยร่วมกำลังพิพาทกัน เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินและโกดังที่ให้เช่านี้อยู่ ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นและเมื่อปรากฏตามหนังสือของทนายโจทก์สละสิทธิไม่เรียกร้องค่าเช่าก่อนวางศาลกับจำเลย โดยจะเรียกคืนจากจำเลยร่วมเองแล้วโจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกร้องเอากับจำเลย และโจทก์จะว่าการที่จำเลยได้ชำระให้จำเลยร่วมเป็นการชำระให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดต่อโจทก์ผู้ให้เช่าแล้วจะกลับมารื้อฟื้นเอากับจำเลยอีกย่อมฟังไม่ขึ้น
เมื่อวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษายืน