แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118,158,268, 270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา118 ขึ้นไป
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำความซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นเท็จร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์ต่อพนักงานสอบสวนอำเภอบางแพว่า โจทก์ยักยอกหมู เป็ดและรำของจำเลย ความจริงหมู เป็ดและรำไม่ใช่เป็นของจำเลย และโจทก์ไม่ได้ยักยอก เป็นเหตุให้โจทก์ถูกควบคุมตัวจึงขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118, 158, 268, 270
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพให้ยกเสียให้เรียกจำเลยมาพิจารณา
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 118 จำคุก 1 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ให้ลงโทษตามมาตรา 158 อีกมาตราหนึ่ง จำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 158 อีกบทหนึ่ง จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 158 อันเป็นบทที่มีอัตราโทษหนัก จำคุกจำเลย 3 เดือน
จำเลยฎีกาว่า ศาลประทับฟ้อง เฉพาะมาตรา 118 ศาลอุทธรณ์ลงโทษตามมาตรา 158 ไม่ได้ ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จนั้น รวมถึงมาตรา 158 ด้วย ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาไม่เป็นการนอกฟ้องฯลฯ
จึงพิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย