คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3908/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ขอทุเลาการชำระค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5ในฐานะคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายซึ่งสั่งให้โจทก์ชำระค่าปรับแก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกองทุนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยกฎหมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23,24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 หากโจทก์ชนะคดีก็ไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระได้จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ก่อนพิพากษา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าน้ำตาลทรายที่โจทก์ผลิตได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และว่าคำสั่งหรือมติคณะกรรมการครั้งที่ 22/2531 ซึ่งมีจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานกรรมการ หนังสือสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายที่ 10020/2531 คำสั่งหรือมติหรือคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ของคณะกรรมการไม่มีผลใช้บังคับแก่โจทก์ และเป็นโมฆะ และให้ระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายว่าด้วยเบี้ยปรับ สำหรับโรงงานน้ำตาลทรายที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศระเบียบหรือพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ฉบับที่ 1 ลงวันที่14 พฤษภาคม 2528 ไม่มีผลใช้บังคับโจทก์และเป็นโมฆะหรือพิพากษาว่า เบี้ยปรับที่กำหนดในระเบียบดังกล่าวมีอัตราสูงเกินสมควรและโจทก์ยื่นคำร้องว่า หากโจทก์ชำระค่าปรับจำนวนเงิน 10,062,000บาท ให้แก่กองทุนตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไปแล้ว และหากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีก็เป็นการยากที่โจทก์จะติดตามเอาเงินคืนมาได้โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ทุเลาการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
จำเลยทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งที่โจทก์ชำระเบี้ยปรับชอบด้วยกฎหมายโจทก์ประวิงการชำระ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะวินิจฉัยชั้นนี้มีว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการชำระค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ไว้ก่อนพิพากษาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามคำร้องของโจทก์เป็นการขอทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 5 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 มาตรา 58 วรรคสุดท้าย ซึ่งบัญญัติไว้ใจความว่า การยื่นคำร้องต่อศาลไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการบริหาร เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น ข้อที่โจทก์อ้างว่าเมื่อโจทก์ชำระค่าปรับให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแล้วเป็นการยากต่อการที่จะเอาคืนหากโจทก์ชนะคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายตั้งขึ้นโดยกฎหมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรมคณะกรรมการบริหารกองทุนตั้งขึ้นและมีหน้าที่ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 23, 24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายพ.ศ. 2527 หากโจทก์ชนะคดีจึงไม่เป็นการยากที่จะขอคืนเงินค่าปรับที่โจทก์ชำระไว้แล้วได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้โจทก์ได้ทุเลาการที่จะต้องชำระเงินค่าปรับตามคำสั่งของจำเลยที่ 5ก่อนพิพากษา”
พิพากษายืน

Share