คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีประเด็นข้อเท็จจริง 4 ข้อ ศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความนำพยานสืบสำหรับประเด็นข้อ 1 ข้อเดียวส่วนประเด็นอื่นเห็นว่าวินิจฉัยได้เองเมื่อคู่ความได้ดำเนินการตามที่ศาลสั่งแล้ว ศาลกลับวินิจฉัยว่าโจทก์มีภาระต้องพิสูจน์ประเด็นข้อ 3 แล้วไม่พิสูจน์จึงพิพากษายกฟ้องเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่ คดีในศาลชั้นต้นมีประเด็นว่า

(1) โจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีนี้หรือไม่

(2) เมื่อสัญญาเดิมหมดอายุแล้ว ได้มีสัญญาเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลาหรือไม่

(3) โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าใหม่นี้แล้วหรือไม่

(4) จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯลฯ หรือไม่

ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นชี้ว่า ประเด็นที่คู่ความจะต้องนำสืบมีเพียงข้อเดียวคือ ประเด็นข้อ 1 ข้างต้น ประเด็นข้ออื่นศาลพอวินิจฉัยได้ โดยคู่ความไม่ต้องสืบพยาน

ในวันนัดสืบพยาน โจทก์ส่งใบมอบอำนาจตัวจริงต่อศาล จำเลยแถลงรับรองความถูกต้อง โจทก์จึงแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานบุคคลต่อไป

ในวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยส่งใบรับเงินค่าเช่าห้องพิพาท 5 ฉบับ แล้วแถลงไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยเหตุที่ว่า ตามใบรับเงินค่าเช่าฟังได้ว่ามีสัญญาเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าได้มีการบอกเลิก (ประเด็นข้อ 3)

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สืบพยานเฉพาะประเด็นข้อแรกข้อเดียวแล้วยกเอาประเด็นข้อ 3 ขึ้นวินิจฉัยคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ

พิพากษายืน

Share