แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พาหนะที่จะริบได้นั้นต้องปรากฎว่าได้ใช้พาหนะนั้นบรรทุกสินค้า อันต้องห้าม รถยนตร์ที่ใช้บรรทุกคนโดยสารซึ่งผู้ขับใช้บรรทุกคนโดยสารโดยไม่รู้ว่า มีการบรรทุกของต้องห้ามไปด้วย จะริบไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายเต๊กเจ๊กจำเลยได้ขับรถยนตร์หมายเลขที่ ๐๓๐๔ นำของต้องห้ามจากท้องที่จังหวัดเชียงรายเพื่อนำไปส่งยังตำบลท่าขี้เหล็ก จังหวัดเชียงตุง สหรัฐไทยใหญ่ โดยมิได้รับอนุญาต แต่ถูกเจ้าพนักงานจับระหว่างทาง ยังไม่ทันนำออกนอกราชอาณาจักร์ นายอโนทัย จ่านายสิบตำรวจสนั่น มีหน้าที่ตรวจของต้องห้าม ได้สมคบกับนายเต๊กเจ๊กไม่ตรวจยึดไว้ นายอโนทัยจำเลยได้ควบคุมนำพาขนส่งของ จ่านายสิบตำรวจสนั่นส่งให้ตำรวจงดจับกุม
นายเต๊กเจ๊ก จำเลยปฏิเสธว่าเป็นเพียงคนขับรถไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับของที่บรรทุก ของกลางอยู่ในหีบห่อไม่รู้ว่าเป็นของต้องห้าม
นายอโนทัย จ่านายสิบตำรวจสนั่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้ทำผิด ให้ยกฟ้อง และคืนรถยนตร์และเครื่องอุปกรณ์ของกลางแก่เจ้าของ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความตาม พ.ร.บ.ควบคุมการสั่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักร์ ซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉะบับที่ ๓) ๒๔๙๐ ม.๓ ความว่าจะริบพาหนะได้ต่อเมื่อได้ความว่าได้ใช้พาหนะนั้นบรรทุกสินค้าอันต้องห้ามตรง ๆ รถยนตร์รายนี้เป็นพาหนะสำหรับบรรทุกคนโดยสาร และครั้งเกิดเหตุนี้ผู้ขับรถยนตร์ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร มีการบรรทุกของต้องห้าม ทั้งปรากฎว่าเจ้าพนักงานได้ตรวจและอนุญาตให้ผ่านไปได้ โดยผู้ขับรถยนตร์เชื่อโดยสุจริตว่าไม่มีของต้องห้ามอยู่ในรถ ที่ศาลทั้งสองไม่ริบรถยนตร์และเครื่องอุปกรณ์รายนี้ชอบแล้ว พิพากษายืน.