คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6423/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อให้พวกของจำเลยที่ 1 มีชื่อในทะเบียนบ้าน และใช้หรือแสดงเอกสารเท็จดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งแม้จะได้กระทำคนละวันกันแต่ก็ได้กระทำต่อเนื่องกันโดยล้วนแต่มีความมุ่งหมายเพียงประการเดียวเพื่อให้เจ้าพนักงานออกบัตรประจำตัวประชาชนแก่พวกของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 83 , 86 , 91 , 137 , 267 , 268 พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14 พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50
จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137 , 267 , 268 พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2522 มาตรา 14 (1) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137 , 267 , 268 พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ในส่วนของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 90 (ที่ถูกมาตรา 91) ฐานร่วมกันแสดงหลักฐานเท็จเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร ฯ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันแสดงหลักฐานเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน ฯ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ลงโทษฐานสนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันแสดงหลักฐานเท็จเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร ฯ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 14,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ เห็นควรลงโทษให้หลาบจำ ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่รับรองเพื่อให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดสำเร็จเท่านั้น เห็นควรลงโทษสถานเบา จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 มีกำหนดคนละ 4 เดือน และปรับคนละ 7,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 , 30 ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการอันเป็นการแสดงหลักฐานเท็จเพื่อให้ผู้อื่นมีชื่อในทะเบียนราษฎร และใช้หรือแสดงหลักฐานเท็จดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งแม้จะกระทำคนละวันกันแต่ก็ได้กระทำต่อเนื่องกันโดยล้วนแล้วแต่มีความมุ่งหมายเพียงประการเดียวคือเพื่อให้เจ้าพนักงานออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่พวกของจำเลยที่ 1 เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตาม พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14 (3) ประกอบมาตรา 14 (1) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265 , 267 พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14 (1) , (3) การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14 (3) ประกอบมาตรา 14 (1) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 วางโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุกมีกำหนด 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3.

Share