คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมจำเลยได้เช่าตึกของโจทก์ประกอบการค้าโดยจำเลยเป็นเจ้าของ ต่อมาได้ตั้งเป็นหุ้นส่วน บุคคลในหุ้นส่วนก็คงถือว่าเป็นบริวารของจำเลย

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากตึกที่เช่า แล้วศาลดำเนินการบังคับคดีขับไล่จำเลย ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า บริวารของจำเลยคือนางทองพูน กับพวกรวม ๔ คนยังไม่ออกจากที่เช่าขอให้ศาลดำเนินการบังคับ ผู้ถูกอ้างว่าเป็นบริวารปฏิเสธว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย โดยนางทองพูนเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างโยคีสถานพระศัลยเวทย์ฯ เป็นนายแพทย์ประจำห้างหุ้นส่วน นายยนต์ นายชอบเป็นคนงานของห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนนี้เป็นนิติบุคคลและเป็นผู้เช่าตึกรายพิพาทจากโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า ห้างหุ้นส่วนโยคีสถานเป็นผู้เช่าตึก ผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยจึงมิใช่บริวารของจำเลย จึงให้ยกคำร้องของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเช่าตึกของโจทก์มาตั้งแต่ราวปี พ.ศ.๒๔๗๕ ประกอบการค้าชื่อร้านโยคีสถาน โดยจำเลยเป็นเจ้าของ ต่อมา พ.ศ.๒๔๘๒ ได้จดทำเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนโยคีขึ้น โดยผู้ถือหุ้นส่วน คือจำเลย นางทองพูนภรรยาจำเลยและบุตร ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามรูปคดีแม้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็ตาม แต่ก็เป็นการเกิดหรือมีขึ้นสืบเนื่องมาจากจำเลย และโดยจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของตลอดมานั่นเอง จึงฟังว่าผู้ร้องทั้งสี่เข้ามาอยู่ในตึกโดยอาศัยอำนาจจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่านั่นเอง พิพากษากลับ ให้บังคับคดีแก่ผู้ร้องทั้งสี่
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
พิพากษายืน

Share